ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เปิดเผยว่ามีผู้นำรัฐสมาชิกหนึ่งของอียูตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับกรณีแวดล้อมต่างๆ ของเหตุสังหารหมู่ที่เมืองบูชา ตามแบบฉบับคำกล่าวอ้างของยูเครน พร้อมเรียกร้องให้ดำเนินการพิสูจน์ว่าเหตุการณ์อันโหดร้ายป่าเถื่อนนี้ไม่ได้ถูกจัดฉาก
ระหว่างให้สัมภาษณกับหนังสือพิมพ์บิลด์ ของเยอรมนีเมื่อวันศุกร์ (8เม.ย.) เซเลนสกี ได้เล่าว่ามีนักการเมืองชั้นนำของอียูรายหนึ่งขอให้เขามอบหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าเหตุการณ์สังหารหมูที่เมืองบูชานั้นไม่ได้เป็นการจัดฉาก คำกล่าวนี้มีขึ้นหลังจากผู้สื่อข่าวถามว่าอะไรคือสิ่งเลวร้ายที่สุดที่เขาได้รับฟังในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า คำถามดังกล่าวมาจากผู้นำของชาติใดในอียู เซเลนสกี ตอบกลับด้วยการยืนยันว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่ปฏิเสธเอ่ยชื่อประเทศ
ยูเครนกล่าวหาทหารรัสเซียกระทำการโหดร้ายป่าเถื่อนต่อพลเรือนในเมืองบูชา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเคียฟ ก่อนการล่าถอยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหา และอ้างว่าเคียฟจัดฉากหลักฐาน ในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "ยั่วยุ"
ในเรื่องแรงสนับสนุนของเบอร์ลินที่มีต่อเคียฟ ทางประธานาธิบดียูเครนส่งเสียงแสดงความผิดหวังต่อท่าทีของเยอรมนีที่ดูเหมือนไม่กระตือรือร้น กำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียหนักหน่วงขึ้น
"บางประเทศ และในนั้นรวมถึงเยอรมนี คัดค้านการคว่ำบาตรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ" เซเลนสกีกล่าว อย่างไรก็ตาม เขาระบุว่าเขาพอใจกับมาตรการคว่ำบาตรรอบ 5 ของอียู ซึ่งประกอบด้วยการห้ามนำเข้าถ่านหินและไม้ซุงจากรัสเซีย กระนั้นเขากล่าวหาเบอร์ลินระมัดระวังเกินไปในการให้การสนับสนุนเคียฟ บางครั้งปฏิเสธมอบอาวุธและพูดซ้ำๆ ว่ายูเครนจะไม่เป็นสมาชิกนาโต้ "ถ้อยคำของเยอรมนีเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอด" เขากล่าว
เมื่อถามว่าเขาพร้อมนั่งลงเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียหรือไม่ เซเลนสกี ตอบว่า "วันนี้ ยูเครนไม่ได้มีหนทางอื่นนอกเหนือจากนั่งลงบนโต๊ะเจรจา" เขากล่าว "ไม่มีใครอื่นในรัสเซียที่มีอำนาจหยุดสงครามนี้ ปูตินเป็นคนเดียวที่จะตัดสินใจว่าสงครามจะหยุดลงเมื่อไหร่"
เวลานี้คณะผู้แทนของรัสเซียและยูเครนเจรจากันมานานหลายสัปดาห์แล้ว ทั้งแบบเจอหน้ากันโดยตรงและประชุมทางไกล ในขณะที่ทั้งสองประเทศดูเหมือนขยับใกล้ข้อตกลงในบางประเด็น อย่างเช่นสถานะเป็นกลางในอนาคตของยูเครน แต่พวกเขายังไม่สามารถเห็นพ้องต้องกันในประเด็นอื่นๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โฆษกวังเครมลินบอกว่า ปูติน พร้อมพบปะกับ เซเลนสกี แต่มันจะมีขึ้นก็ต่อเมื่อ หลังจจากคณะผู้แทนเจรจาบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายแล้ว
สหรัฐฯ และพันธมิตรยุโรปยกระดับมาตรการคว่ำบาตรและเรียกร้องให้มีการเอาผิดกับรัสเซียฐานก่ออาชญากรรมสงคราม หลังมีการเผยภาพศพพลเรือนจำนวนมากถูกทิ้งกระจัดกระจายเกลื่อนถนนในเมืองบูชา ของยูเครน ขณะที่มอสโกปฏิเสธเสียงแข็ง โดยอ้างว่าภาพทั้งหมดเป็น “การจัดฉาก” เพื่อทำลายชื่อเสียงของรัสเซีย
อนาโตลี เฟโดรุก นายกเทศมนตรีเมืองบูชา ออกมาให้ข้อมูลว่าเหยื่อหลายคน “ถูกยิงเข้าที่ศีรษะจากทางด้านหลัง” ขณะที่ อิรีนา เวเนดิกโตวา อัยการสูงสุดยูเครน ยืนยันว่ามีการพบศพพลเรือนที่เมืองบูชาแล้วไม่ต่ำกว่า 410 ร่าง
เซเลนสกี ประณามการเข่นฆ่าที่โหดเหี้ยมนี้ว่าเข้าขั้น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ขณะที่ มิเชลล์ บาเชเลต์ ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็น ยอมรับว่าภาพถ่ายผู้เสียชีวิตที่เมืองบูชาบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการก่ออาชญากรรมสงคราม
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมารับลูกกล่าวหา วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียว่าก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครน พร้อมเรียกร้องให้มีการไต่สวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง ขณะเดียวกัน ก็ย้ำว่า สหรัฐฯ จำเป็นที่จะต้องส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่ชาวยูเครนเพื่อให้พวกเขาสามารถยืนหยัดต่อสู้กับรัสเซียได้ต่อไป
รัฐบาลรัสเซียยืนยันว่าทหารของตนไม่ได้เข่นฆ่าพลเรือนแบบไม่เลือกหน้าตามที่ถูกกล่าวหา และภาพถ่ายจากเมืองบูชา หรือสถานที่อื่นๆ ล้วนแต่เป็นการสร้างหลักฐานปลอมโดยกองกำลังยูเครน หรือไม่คนเหล่านั้นก็อาจจะถูกฆ่าหลังจากที่ทหารรัสเซียถอนกำลังออกมาแล้ว
มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติว่า การที่ชาติตะวันตกรีบออกมาตีโพยตีพายประณามรัสเซียทันทีที่ภาพศพในเมืองบูชาถูกเผยแพร่ บ่งบอกว่านี่คือส่วนหนึ่งของแผนทำลายชื่อเสียงที่สหรัฐฯ และองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) หวังเตะสกัดการเจรจาสันติภาพระหว่างมอสโกกับเคียฟที่กำลังมีความคืบหน้า
“ใครกันที่ถนัดเรื่องยั่วยุแบบนี้? แน่นอนว่าก็คือสหรัฐฯ และนาโต้” ซาคาโรวา กล่าว “ในกรณีนี้ดิฉันคิดว่า การที่พวกเขารีบออกมาแถลงตั้งแต่นาทีแรกๆ ที่ภาพและคลิปถูกปล่อย ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครเป็นผู้สั่ง”
สำนักข่าวอาร์ทีของรัสเซียอ้างคำชี้แจงจากกระทรวงกลาโหมซึ่งระบุว่า ทหารรัสเซียถอนกำลังออกจากเมืองบูชาตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม และในตอนนั้นนายกเทศมนตรีของเมืองก็ออกคลิปวิดีโอยืนยัน โดยไม่ได้เอ่ยสักคำว่ามีพลเรือน “ถูกยิงทิ้งนอนตายเกลื่อนถนน” นั่นหมายความว่าภาพและคลิป “หลักฐาน” การสังหารหมู่เพิ่งจะปรากฏหลังจากที่ทหารรัสเซียถอนกำลังออกไปแล้วถึง 4 วัน และเป็นช่วงที่หน่วยข่าวกรองและผู้แทนของสถานีโทรทัศน์ยูเครนเดินทางเข้าไปในเมือง
กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังอ้างว่าฝ่ายยูเครนกำลังเตรียม “ก่อเหตุยั่วยุ” ในลักษณะเดียวกันนี้ที่เมืองอื่นๆ เพื่อป้ายสีความผิดให้รัสเซีย ขณะที่โฆษกหญิง ซาคาโรวา โทษสื่อตะวันตก โดยเฉพาะสื่ออเมริกันว่ามีส่วนร่วมเผยแพร่ “เฟกนิวส์” และเข้าข่าย “สมคบคิดกับพวกที่วางแผนฆ่าพลเรือนในเมืองบูชา”
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์/เอเจนซี)