xs
xsm
sm
md
lg

“อัศวิน”โพสต์ขอโอกาสเดินหน้าเปลี่ยนแปลง กทม.เพื่อให้ไม่สะดุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “กรุงเทพมหานคร” เมืองแห่งความหวัง เมืองที่พวกเราหลายคนเข้ามาเพื่อตามความฝัน เข้ามาเรียน เข้ามาทำงานและ เข้ามาใช้ชีวิต ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เข้ามาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ เพื่อตามหาความฝัน ตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือจนทำงาน และ สร้างครอบครัว เหมือนคนอีกหลายคนในเมืองแห่งความหวังแห่งนี้

ในวัยเด็ก ผมจำได้ว่า วิ่งเล่นอยู่แถววงเวียนใหญ่ ว่ายน้ำอยู่แถวสะพานพุทธ บางวันก็ว่ายน้ำเล่นริมแม่น้ำเจ้าพระยา
มาเตะตะกร้อที่หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และได้เดินทางใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ มานานจนเห็นความเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับการพัฒนามาโดยตลอด

ในช่วงที่ผมเติบโตมา ได้เห็นความเจริญอย่างต่อเนื่องของเมืองแห่งนี้ แต่จากความเจริญก็ทำให้บางสิ่งบางอย่างแย่ลง
จากน้ำที่เคยลงว่ายได้ ก็สกปรก คลองที่เคยมีน้ำใสสะอาด กลับกลายเป็นคลองที่มีน้ำเน่าเสีย สวนที่มีต้นไม้ร่มรื่นที่เคยเห็นคนนั่งเล่นพักผ่อน กลับกลายเป็นคอนกรีต บนถนนก็เต็มไปด้วยรถสัญจรไปมา จนเป็นภาพจำของคน กทม. ไปแล้ว

ผมเป็นคนหนึ่งที่เกือบหมดหวัง ที่จะได้เห็นกรุงเทพฯ สวยงามในแบบที่ผมเคยเห็นในวัยเด็ก

จนมาวันหนึ่ง ผมได้รับความไว้วางใจให้มาทำงานกับกรุงเทพมหานคร ผมยังจำได้ดี วันแรกที่ผมเดินทางไปทำงาน
ในฐานะผู้ว่า กทม. ได้ผ่านคลองหลอด เห็นสภาพ 2 ฝั่งคลองที่เสื่อมโทรม น้ำในคลองเน่าเสีย สัปดาห์แรกผมได้ลงพื้นที่เขตบางขุนเทียน ผมเห็นคนจำนวนมากมาเข้าคิวหาหมอที่โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ซึ่งในตอนนั้นยังเป็นโรงพยาบาลเล็ก ๆ เปิดให้บริการเฉพาะผู้ป่วยนอก ได้คุยกับพี่น้องประชาชน และรู้ว่าพื้นที่ 7 เขตแถวนั้น มีคนอยู่ประมาณ 500,000 คน ไม่มีโรงพยาบาลของรัฐเลย จะไปหาหมอแต่ละครั้งก็ต้องเดินทางเข้าเมืองเป็นระยะทางไกลๆ

เมื่อ กทม. เปิดโรงพยาบาลแห่งนี้ จึงเลือกหาหมอใกล้บ้าน แม้จะต้องเข้าคิวรอนานก็ตาม เมื่อผมได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ผมได้เห็นประชาชนแถวดินแดง แยกเกษตรศาสตร์ วงเวียนบางเขน ต้องถลกขากางเกง ลุยน้ำ เพื่อมารอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์หลังจากเกิดฝนตกหนัก ผมไปลงพื้นที่เขตบางเขน แถวแยกเกษตรฯ เห็นประชาชนยืนรอรถที่ป้ายรถเมล์จำนวนมาก เพื่อต่อรถกลับบ้านที่อยู่แถวสายไหม ดอนเมือง

เราได้มีโอกาสทำเมืองแห่งความหวัง ที่เคยสวยงาม ภาพจำในตอนเด็กให้กลับมาดีขึ้นอีกครั้ง

เราได้ทำงานร่วมกับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ หลายๆ คนที่ช่วยกันไม่ทิ้งขยะน้ำเสียลงสู่แม่น้ำลำคลอง ทำให้น้ำไม่เน่าเสีย

เราได้ทำงานกับพี่น้องข้าราชการและบุคลากรของกรุงเทพมหานคร หลายๆ คนที่ทุ่มเททำงานอย่างหนัก ขุดลอกคูคลอง กำจัดขยะในแหล่งน้ำ บำบัดน้ำเสีย จนทำให้น้ำในคลองหลอด และอีกหลายคลองกลับมาใสได้อีกครั้ง และพัฒนาเป็นพื้นที่สาธารณะ คืนชีวิตคลองให้เป็นมากกว่าที่ระบายน้ำ ได้ร่วมกันพัฒนาระบบและขยายศักยภาพการให้บริการในโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน และอีกหลายโรงพยาบาลในสังกัด กทม. ทำให้ประชาชนไม่ต้องรอคิวหาหมอนานและรักษาโรคได้มากขึ้น ช่วยกันพัฒนาระบบระบายน้ำจนทำให้วงเวียนบางเขน แยกเกษตรฯ และจุดเสี่ยงน้ำท่วมอีกหลายแห่ง ไม่มีน้ำท่วมขังเวลามีฝนตกหนัก และทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพชั้นนอกมีรถไฟฟ้าวิ่งผ่านหน้าปากซอยบ้าน มีเรือไฟฟ้าแล่นผ่านหลังบ้านของหลายๆ คน ให้เลือกเดินทางในแบบที่ไม่ต้องเจอรถติด ใช้เวลาเดินทางน้อยลง และอีกหลายความร่วมมือของทุกคนที่ทำให้กรุงเทพเปลี่ยนไป ทั้งด้านการจัดน้ำท่วม การเริ่มนำสื่อสารลงดิน เพิ่มพื้นที่สีเขียวมากขึ้น พัฒนาคุณภาพชีวิต ส่งเสริมให้คนกรุงเทพฯ มีสุขภาพดี พร้อมทั้งขยายศักยภาพการรักษาพยาบาลให้คนเข้าการบริการได้รวดเร็วใกล้บ้านและพัฒนาระบบออนไลน์ให้ให้ถึงบริการทุก ๆ ด้าน พัฒนาชุมชน พัฒนาคุณภาพ การศึกษา และในอีกหลายๆ ด้าน

จนทำให้เห็นได้ว่าตอนนี้ กรุงเทพฯ “เปลี่ยนไปแล้ว” กลับมาเป็นเมืองที่มีความหวังอีกครั้ง แน่นอนครับ ตอนนี้ กรุงเทพมหานครของเราก็ยังไม่ได้ดีไปทั้งหมด แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้เริ่มเห็นความเปลี่ยนไป ได้จริงแล้ว เราสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ในเมืองได้จริง และกรุงเทพเริ่มเดินต่อไปข้างหน้า

ผมขอขอบคุณพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร ที่ร่วมกันทำให้กรุงเทพเปลี่ยนไปแล้ว
ขอขอบคุณข้าราชการ ลูกจ้างของ กรุงเทพมหานครที่ทุ่มเททำงานอย่างหนักมาโดยตลอด ยิ่งในช่วงสถานการณ์วิกฤต การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ข้าราชการและลูกจ้างทุกคน ทำงานหนักเพื่อคนกรุงเทพฯ ทุกคนปลอดภัย

ขอบคุณหลายๆ โอกาสที่ทำให้ตัวผมได้มีโอกาสที่ทำให้ เมืองนี้เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น ผมขอให้การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่จะเดินหน้าต่อไป ไม่สะดุดหรือสิ้นสุดลง และหวังว่าพวกเราจะมีโอกาสช่วยกันทำให้เมืองกรุงเทพมหานครแห่งนี้ ได้เดินหน้าเปลี่ยนแปลงต่อไป “กรุงเทพต้องไปต่อ”