นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 14 มกราคม 2565 เวลา 16.00 นาฬิกา) พบผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ 22 ราย ทั้งหมดเป็นการพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ จึงมีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ทั้งสิ้น 681 ราย (กลุ่มสีเขียว 89% สีเหลือง 10.4% และสีแดง 0.6%) มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 84,919 ราย หรือ 96.6% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 87,949 ราย เสียชีวิต 1 ราย จากเรือนจำกลางนครราชสีมา ซึ่งเป็นผู้ต้องขังที่มีโรคประจำตัวและเข้ารักษาตัวยังโรงพยาบาลภายนอกบ่อยครั้ง จนกระทั่งเสียชีวิตลงที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จึงมีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 187 ราย คิดเป็น 0.21% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด
นายอายุตม์ กล่าวว่า ในวันนี้ ยังคงไม่พบเรือนจำระบาดใหม่เพิ่มต่อเนื่อง เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ จึงมีเรือนจำสีขาวคงที่ จำนวน 137 แห่ง และเรือนจำสีแดง 5 แห่งคงเดิม ซึ่งในจำนวนดังกล่าว เป็นเรือนจำที่อยู่ระหว่างควบคุมการระบาด 3 แห่ง คือ เรือนจำกลางพิษณุโลกที่เป็นเรือนจำระบาดใหม่ และเรือนจำจังหวัดภูเก็ตกับเรือนจำจังหวัดอุทัยธานีที่พบการติดเชื้อซ้ำในแดนบางส่วน ส่วนที่เหลืออีก 2 แห่ง คือ เรือนจำกลางเชียงใหม่และเรือนจำกลางราชบุรี อยู่ในแผนสิ้นสุดการระบาดของโรค (แผน EXIT) ซึ่งจะทยอยพ้นจากการระบาดอย่างต่อเนื่องในระยะต่อไป
ด้านการบริหารจัดการวัคซีนของกรมราชทัณฑ์ ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังที่ยังอยู่ในเรือนจำและทัณฑสถานได้รับการฉีดวัคซีนจนครบโดสแล้ว จำนวน 264,596 ราย หรือคิดเป็น 94.27% ของจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 280,629 ราย