นายณรงค์ จุ้ยเส่ย รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีบุคคลแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาล ประจำเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก และเรียกรับเงินจากญาติผู้ต้องขัง เพื่อแลกกับการรักษาตัวผู้ต้องขังที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ ว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบบุคคลดังกล่าวไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ และไม่มีความเกี่ยวข้องกับทางเรือนจำจังหวัดพิษณุโลกแต่อย่างใด เป็นการแอบอ้างจากมิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลเรือนจำฯ และติดต่อกับญาติผู้ต้องขังแจ้งค่ารักษาตัวผู้ต้องขังที่ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งญาติผู้ต้องขังหลงเชื่อโอนเงินไปให้เป็นจำนวน 3,000 บาท กระทั่งสอบถามมาที่เรือนจำฯ จึงทราบว่าเป็นการแอบอ้าง และได้เข้าร้องเรียนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดดังกล่าว
เบื้องต้น เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ได้ทำความเข้าใจแก่ญาติผู้ต้องขัง พร้อมดำเนินการแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรวังทองเรียบร้อยแล้ว โดยยังอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า ไม่มีนโยบายในการเรียกรับค่าตอบแทนการให้บริการแก่ญาติและผู้ต้องขังทุกราย โดยเฉพาะในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งผู้ติดเชื้อทุกรายจะได้รับการดูแลรักษา ทั้งจากสถานพยาบาลเรือนจำ รวมถึงจากโรงพยาบาลแม่ข่าย และสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่เพื่อเข้าดำเนินการดูแลรักษา และให้ยาตามมาตรฐานทางการแพทย์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
เบื้องต้น เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ได้ทำความเข้าใจแก่ญาติผู้ต้องขัง พร้อมดำเนินการแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรวังทองเรียบร้อยแล้ว โดยยังอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า ไม่มีนโยบายในการเรียกรับค่าตอบแทนการให้บริการแก่ญาติและผู้ต้องขังทุกราย โดยเฉพาะในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งผู้ติดเชื้อทุกรายจะได้รับการดูแลรักษา ทั้งจากสถานพยาบาลเรือนจำ รวมถึงจากโรงพยาบาลแม่ข่าย และสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่เพื่อเข้าดำเนินการดูแลรักษา และให้ยาตามมาตรฐานทางการแพทย์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด