นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยถึงกรณีที่เนื้อหมูปรับราคาแพงสูงขึ้นในท้องตลาด สาเหตุมาจากปัจจัยเรื่องต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น อาหารสัตว์ ยาในการรักษาโรค แล้วยังมีปัจจัยเรื่องการพบโรคระบาดในสุกรที่ก่อความเสียหายต่อสุกรมีชีวิตที่จะเข้าสู่ตลาด เนื่องจากต้องมีการทำลายสุกรมีชีวิตเพื่อควบคุมโรค ส่งผลทำให้สุกรขาดตลาด รวมทั้งก่อนหน้านี้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายเล็ก รายย่อย และรายกลางเกิดความตื่นตระหนกต่อข่าวของการเกิดโรคระบาดในสุกร จึงได้เร่งขายสุกรมีชีวิตออกจากฟาร์ม ทำให้ปัจจุบันสุกรมีชีวิตในระบบการผลิตมีปริมาณที่ลดลง จึงทำให้ปัจจุบันราคาจำหน่ายเนื้อสุกรเพื่อการบริโภคมีราคาที่สูงขึ้น
ด้านปัญหาสุขภาพสัตว์ในฟาร์มสุกร ที่ต้องมีการควบคุมและกำจัดสุกรที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคระบาดตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 ทำให้มีปริมาณสุกรที่ลดลง ต้องมีการพักคอกสัตว์ก่อนทำการเลี้ยงรุ่นการผลิตใหม่ และต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ และการปรับระบบการเลี้ยงให้มีความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) เพื่อเป็นการควบคุมโรคซึ่งเป็นข้อจำกัดในเกษตรกรผู้เลี้ยงรายย่อย
ทั้งนี้ บางรายไม่มีระบบการควบคุมโรค ทำให้ไม่นำสุกรมาลงเลี้ยงเพราะเสี่ยงต่อการเกิดโรคทำให้เสียหาย จึงส่งผลให้ปริมาณในระบบการผลิตสุกรในประเทศไทยลดลง แต่ยังมีความต้องการในตลาดที่สูง จึงทำให้ราคาเนื้อสุกรในท้องตลาดปรับตัวเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว กรมปศุสัตว์จะหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กรมการค้าภายใน กรมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อกำหนดหาแนวทางแก้ไขต่อไป
อย่างไรก็ตาม กรมปศุสัตว์ ได้ดำเนินการกำจัด ควบคุม ป้องกันและเฝ้าระวังโรคระบาดในสัตว์อย่างต่อเนื่อง โดยรายงานสถานการณ์ของโรคระบาดในสุกรของประเทศไทย จากระบบการเฝ้าระวังโรคระบาดทั้งเชิงรุกและเชิงรับ พบว่า ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี 2561-2564 ประเทศไทยมีการระบาดของโรคที่สำคัญในสุกร ได้แก่ โรคพีอาร์อาร์เอส (PRRS) Porcine reproductive and respiratory syndrome เป็นโรคหรือกลุ่มอาการในระบบสืบพันธุ์และระบบทางเดินหายใจในสุกรจำนวน 707 ครั้ง โรคอหิวาต์สุกร หรือ Classical Swine Fever (CSF) จำนวน 24 ครั้ง และโรคปากและเท้าเปื่อย (Food and Mouth disease : FMD) จำนวน 11 ครั้ง
ปัจจุบัน ประเทศไทยยังคงสถานะปลอดจากโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever: ASF) แต่ยังคงมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมีการเกิดโรค ASF ในประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบ กรมปศุสัตว์จึงมิได้นิ่งนอนใจ ยังคงดำเนินงานตามแผนเตรียมความพร้อมรับมือโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อเป็นการรักษามูลค่าของอุตสาหกรรมการผลิตสุกรไม่น้อยกว่า 150,000 ล้านบาท
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการควบคุมโรคและลดความเสียหายให้เกิดน้อยที่สุด ขอความร่วมมือเกษตรกรเป็นเครือข่ายการเฝ้าระวังโรคระบาดในสุกร เพื่อสามารถควบคุมการระบาดของโรคให้อยู่ในวงจำกัด และขอให้ติดตามข่าวสารการแพร่ระบาดของโรคอย่างใกล้ชิดจากกรมปศุสัตว์
นอกจากนี้ หากพบสุกรที่สงสัยว่าป่วยหรือตายด้วยโรคระบาด หรือด้วยอาการผิดปกติไม่ทราบสาเหตุ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอ เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัดในพื้นที่ทันที หรือผ่านทางแอพพลิเคชั่นมือถือ “DLD 4.0” หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ เพื่อเข้าทำการตรวจสอบทันที
ขณะเดียวกัน หากประชาชนต้องการบริโภคเนื้อสุกร ขอให้เลือกซื้อเนื้อสุกรที่มาจากแหล่งผลิต และผู้จำหน่ายที่ได้รับสัญลักษณ์ “ปศุสัตว์ OK” โดยต้องนำมาปรุงสุกทุกครั้งก่อนการบริโภคเพื่อสุขอนามัยที่ดี และขอให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัยจากการบริโภคเนื้อสุกร ไม่ต้องตื่นตระหนกกับข่าวสารที่มีข้อมูลไม่แน่ชัด