นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การประกันรายได้ข้าวผลการผลิตปีที่ 3 ฤดูกาลปลูก 2564/2565 การเก็บเกี่ยวเริ่มตั้งแต่ 15 ตุลาคม เป็นต้นมา และเคาะจ่ายส่วนต่างราคาข้าวโครงการประกันรายได้เกษตรกรงวด 1-2 และ 3 บางส่วนไปแล้วนั้น ล่าสุด ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องติดตามนโยบายอย่างใกล้ชิด ซึ่งได้รับรายงานจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยเงินส่วนต่างที่ค้างอยู่งวดที่ 3-7 จะเริ่มทยอยเข้าบัญชีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้ตั้งแต่วันที่ 9-14 ธันวาคมนี้ ส่วนงวดที่ 8 จะโอนในลำดับถัดไป
นายจุรินทร์ กล่าวว่า หลังงบประมาณผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว ได้กำชับให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ประสานงาน ธ.ก.ส. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นผู้ขึ้นบัญชีเกษตรกร อำนวยความสะดวกและแจ้งข่าวสารสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง รวมทั้งให้พาณิชย์จังหวัดกระจายข่าวสารไปให้ถึงยังหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านทั่วประเทศ โดยให้แจ้งสิทธิประโยชน์ที่ชาวนาได้รับโดยละเอียด ขณะนี้ ธ.ก.ส. ได้ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองของ ธ.ก.ส. ก่อนเสนอให้คณะกรรมการ ธ.ก.ส. พิจารณา และกำลังตรวจสอบข้อมูลเกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์ ก่อนเริ่มโอนเงินเข้าบัญชีของเกษตรกรตามวันเวลาดังกล่าวได้ต่อไป
สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีที่ 3 รัฐบาลได้ประกันรายได้ราคาข้าวเปลือก 5 ชนิด ไว้ที่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ไม่เกิน 25 ตัน ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ไม่เกิน 16 ตัน ซึ่งในงวดที่ 8 ที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65 ที่ระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม 2564 นั้น จะมีชาวนาได้เงินส่วนต่างสูงสุดคือข้าวเปลือกหอมมะลิ 54,202 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 50,153 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 29,775 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 58,636 บาท และข้าวเปลือกเหนียว 57,855 บาท ทั้งนี้ เป็นรายได้จากส่วนต่างของราคาข้าวที่ประกาศราคาอ้างอิงไปซึ่งราคานั้นเป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งตามหลักเกณฑ์ในการโอนเงิน ธ.ก.ส.จะโอนเงินเข้าบัญชีของเกษตรกรภายใน 3 วันทำการ หลังจากที่ได้มีการประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง