นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงรายละเอียดเกี่ยวกับการปรับปรุงมาตรการการเดินทางเข้าประเทศไทยทางอากาศ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีประกาศเริ่มใช้นโยบายเปิดประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสอดคล้องสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ดูแลมาตรการเดินทางเข้าประเทศ ได้ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการเดินทางเข้าประเทศไทย (เฉพาะเดินทางเข้าทางอากาศ) สรุปได้โดยสังเขปเป็น 3 แนวทาง ดังนี้
1. ผู้เดินทางมาจากประเทศ/พื้นที่ ตามประกาศ ศปก.กต. (ที่ได้รับการยกเว้นไม่กักตัว)
- เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2564 กระทรวงการต่างประเทศได้ออกประกาศ ศปก. กต. กำหนดรายชื่อประเทศและพื้นที่ต้นทางที่อนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร สำหรับบุคคลประเภท (13) ซึ่งอนุญาตให้ผู้เดินทางจาก 45 ประเทศ และ 1 พื้นที่ สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยยกเว้นการกักตัว (เฉพาะการเดินทางเข้าทางอากาศ) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อประเทศ/พื้นที่ ดังกล่าว รวมทั้งรายละเอียดของมาตรการต่างๆ ได้ทางเว็บไซต์ Facebook หรือ Twitter ของกระทรวงการต่างประเทศ และกรมการกงสุล
- ผู้ที่เข้าข่ายไม่ต้องกักตัว จะต้องพำนักอยู่ในประเทศ/พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตไม่ต่ำกว่า 21 วัน รวมทั้งได้รับวัคซีนครบถ้วนตามโดสที่ผู้ผลิตกำหนดมาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 14 วันก่อนเดินทาง
- ผู้ที่เข้าข่ายไม่ต้องกักตัว ต้องมีผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ที่ออกภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง และเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR จำนวน 1 ครั้ง ในวันที่เดินทางถึง และมีหลักฐานการจ่ายค่าที่พักในโรงแรมที่เข้าร่วม SHA+ หรือ Alternative Quarantine จำนวน 1 คืน โดยต้องรอในห้องพักจนกว่าจะได้รับผลตรวจยืนยันว่าไม่พบเชื้อโควิด-19 จากนั้นจึงจะสามารถเดินทางไปพื้นที่ใดก็ได้ในประเทศไทย
- กรณีผู้ที่พำนักอยู่ในประเทศไทย (ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ) หากเดินทางไปยังประเทศ/พื้นที่ตามประกาศ ศปก.กต. สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยและได้รับยกเว้นการกักตัว โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในประเทศ/พื้นที่ตามประกาศ ศปก.กต. ครบ 21 วัน
2. ผู้เดินทางเข้าพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (Sandbox programme)
- ศบค. ได้ประกาศจังหวัดที่เป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (Sandbox programme) 17 จังหวัด (เฉพาะอำเภอที่กำหนด) ที่จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 โดยหลักเกณฑ์ในการรับผู้เดินทางเข้า จะปรับใช้แนวทางจากโครงการนำร่อง ที่ประสบผลสำเร็จมาก่อนหน้านี้ อาทิ Phuket Sandbox, Samui Plus
- ผู้เดินทางเข้าพื้นที่ฯ จะเดินทางมาจากประเทศใดก็ได้ โดยต้องได้รับวัคซีนครบโดสตามที่ผู้ผลิตกำหนด เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 14 วันก่อนเดินทาง และอยู่ในพื้นที่ Sandbox เป็นเวลา 7 วัน โดยมีหลักฐานการจ่ายค่าที่พัก SHA+ จำนวน 7 วัน
- ผู้เดินทางเข้าพื้นที่ ต้องมีผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ที่ออกภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง และต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย ในวันแรก และวันที่ 6 หรือ 7
- ผู้เดินทางเข้าพื้นที่ฯ ต้องเดินทางเข้าประเทศไทยทางท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต สมุย อู่ตะเภา และบุรีรัมย์ (เฉพาะเที่ยวบินเช่าเหมาลำ)
3. ผู้เดินทางเข้า Alternative Quarantine
- สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศไทย ที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับวัคซีนไม่ครบตามโดสที่ผู้ผลิตกำหนด สามารถเข้ารับการกักตัวในโรงแรม AQ เป็นเวลา 10 วัน
- ผู้เดินทางเข้า AQ ต้องมีผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ที่ออกภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง (คนไทยไม่ต้องมีผลตรวจหาเชื้อก่อนเดินทาง) และต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย ในวันแรก และวันที่ 8 หรือ 9
ข้อกำหนดอื่น ๆ
- ผู้เดินทางเข้าทุกประเภท ต้องมีประกันภัยที่มีวงเงินคุ้มครองไม่น้อยกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ ยกเว้นผู้มีสัญชาติไทย
- อนุญาตให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ที่ไม่ได้รับวัคซีน แต่เดินทางเข้าประเทศไทยพร้อมกับผู้ปกครอง สามารถเข้าประเทศไทยได้ตามเงื่อนไขเดียวกันกับผู้ปกครอง
- กรณีผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 และได้รับการรักษาหายแล้ว ให้มีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าเคยติดเชื้อโควิด-19 และหลักฐานการได้รับวัคซีน 1 เข็ม ภายในเวลา 3 เดือนหลังจากการติดเชื้อฯ โดยต้องฉีดวัคซีนมาแล้วไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนออกเดินทาง
- ผู้เดินทางต่างชาติที่ต้องขอรับการตรวจลงตรา (วีซ่า) เพื่อจะเดินทางเข้าไทย ไม่ว่าจะเข้าไทยด้วยมาตรการใด ก็ต้องขอรับการตรวจลงตรา (วีซ่า) เช่นเดิม
ระบบ Thailand Pass และขั้นตอนการเดินทางเข้าประเทศไทย
- ระบบ Thailand Pass จะเปิดให้ผู้เดินทางลงทะเบียนได้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ทดแทนระบบ COE อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทาง สอท. สกญ. สามารถอนุมัติ COE ผ่านระบบลงทะเบียนกลางของกระทรวงฯ (coethailand.mfa.go.th) ไปก่อน จนถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 โดยอนุโลมให้ผู้เดินทางที่มีคุณสมบัติมาจากประเทศ/พื้นที่ที่ได้รับการยกเว้นการกักตัว สามารถจองโรงแรม (AQ หรือ SHA+) เพียง 1 คืน ได้
- ระบบ Thailand Pass จะมีการเชื่อมโยงข้อมูลในการเดินทางเข้าประเทศไทยระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข โดยในการเดินทางเข้าประเทศไทย ผู้เดินทางต้องดำเนินการ ดังนี้
(1) ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ tp.consular.go.th ล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วันก่อนเดินทางเข้า โดยกรอกข้อมูลและอัพโหลดเอกสารที่เกี่ยวข้อง
(2) กรมควบคุมโรคจะพิจารณาเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนผ่านระบบภายในของ Thailand Pass โดยเมื่อกรมควบคุมโรคอนุมัติเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนของผู้เดินทางแล้ว ผู้เดินทางจะได้รับ Thailand Pass QR Code เพื่อใช้ในการเดินทางเข้าประเทศไทย
(3) ผู้เดินทางทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง
(4) เดินทางเข้าประเทศไทยโดยแสดง Thailand Pass QR Code พร้อมทั้งเอกสารรับรองการตรวจหาเชื้อ โควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง จนท.ด่านควบคุมโรคฯ จะสแกน QR Code และตรวจสอบเอกสารการตรวจหาเชื้อจากนั้น ผู้เดินทางจะผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง (ตม. และศุลกากร) ต่อไป
(5) เมื่อผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ผู้เดินทางจะเดินทางจากท่าอากาศยานไปยังโรงแรมที่ทำการสำรองไว้ ด้วยยานพาหนะของโรงแรมแบบ sealed-route โดยโรงพยาบาลคู่สัญญาของโรงแรมจะเป็นผู้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR
(6) ผู้เดินทางรอผลตรวจที่โรงแรม โดยจะสามารถออกจากห้องพักและเดินทางท่องเที่ยวได้เมื่อผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นลบ (สำหรับผู้เดินทางที่มาจากประเทศ/พื้นที่ ที่ได้รับอนุญาตให้ยกเว้นการกักตัว)