วันนี้ (13 ต.ค.) ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ระบุว่า หากย้อนกลับไปเมื่อ 2 เดือน ที่ผ่านมา ไม่เห็นด้วยที่ไทยจะเปิดประเทศ แต่เวลานี้เห็นด้วย เพราะอัตราการฉีดวัคซีนในไทยเข็ม 1 ฉีดครอบคลุมคนไทยเกินร้อยละ 50 แล้ว ส่วนเข็ม 2 ก็เกิน 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด รวมทั้งผู้สูงอายุ คนที่มีโรคประจำตัว ซึ่งการฉีดวัคซีนที่มากพอ ช่วยลดความรุนแรงและลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ย้ำว่า การจะเปิดประเทศได้ต้องดำเนิน 3 มาตรการควบคู่กัน คือ 1.มาตรการการฉีดวัคซีน แม้ขณะนี้จะฉีดได้จำนวนมากแล้ว ก็ยังต้องระดมฉีดโดยการจะทำให้มาตรการนี้สำเร็จคือ ต้องมีวัคซีนเพียงพอ ซึ่งไทยมีวัคซีนเพียงพอแล้ว โดยตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ เป็นต้นไป จะมีวัคซีนเข้ามาเดือนละ 20 ล้านโดส จึงต้องฉีดต่อเนื่องและคนต้องยอมให้ฉีดด้วย
2.มาตรการส่วนบุคคล ที่หย่อนยานไม่ได้ ต้องดำเนินการตามมาตรการเคร่งครัด และ 3. มาตรการด้านบริหารจัดการ และการปกครอง ต้องเข้มงวด ในกรณีที่มีมาตรการชัดเจน แต่ประชาชนไม่ปฏิบัติตาม แล้วเกิดการแพร่ระบาด
ทั้งนี้ หากเปิดประเทศแล้ว คาดการณ์ว่า อาจมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นได้ แต่เชื่อว่าจะไม่พบผู้เสียชีวิต ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือการหย่อนยานมาตรการนั้น นพ.ประสิทธ์ กล่าวว่า มีโอกาสเป็นไปได้ทั้ง 2 อย่าง แต่ในส่วนของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาต้องควบคุม โดยควรตรวจหาเชื้อที่มากกว่า 1 ครั้ง ซึ่งจะช่วยทำให้เชื้อไม่หลุดลอดเข้ามาได้
2.มาตรการส่วนบุคคล ที่หย่อนยานไม่ได้ ต้องดำเนินการตามมาตรการเคร่งครัด และ 3. มาตรการด้านบริหารจัดการ และการปกครอง ต้องเข้มงวด ในกรณีที่มีมาตรการชัดเจน แต่ประชาชนไม่ปฏิบัติตาม แล้วเกิดการแพร่ระบาด
ทั้งนี้ หากเปิดประเทศแล้ว คาดการณ์ว่า อาจมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นได้ แต่เชื่อว่าจะไม่พบผู้เสียชีวิต ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือการหย่อนยานมาตรการนั้น นพ.ประสิทธ์ กล่าวว่า มีโอกาสเป็นไปได้ทั้ง 2 อย่าง แต่ในส่วนของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาต้องควบคุม โดยควรตรวจหาเชื้อที่มากกว่า 1 ครั้ง ซึ่งจะช่วยทำให้เชื้อไม่หลุดลอดเข้ามาได้