พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยถึงการตรวจสอบการลงทุนทางการเงินของเยาวชนอายุ 17 ปี ผู้ต้องหาชิงทองกลางห้างสรรพสินค้า ในพื้นที่ จ.นนทบุรี ว่า ขณะนี้ทราบตัวบุคคลต้องสงสัยก่อเหตุฉ้อโกงเงินของเยาวชนหญิงคนดังกล่าวแล้ว พบว่าอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง 1 คน ซึ่งพบว่าเป็นบุคคลเฝ้าระวัง มีประวัติในคดีฉ้อโกงจำนวนมาก ส่วนอีก 2 คน อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคใต้โดย อย่างไรก็ตาม ทั้งสามคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน แต่อยู่ในวงแชร์ที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงเยาวชนหญิงวัย 17 ปี
การตรวจสอบเชิงลึก พบว่าเยาวชนหญิงคนดังกล่าวได้นำเงิน 50,000 บาท ไปลงทุนในบ้านแชร์ ชื่อ สุชาดา ซึ่งเปิดวงแชร์ออมเงินผ่านแอปพลิเคชันอินสตราแกรม ประมาณ 1 ปีมาแล้ว ที่ผ่านมาได้ผลตอบแทนกลับมา 14,000 บาท ก่อนที่บ้านแชร์จะปิดตัวหายไป จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เยาวชนหญิงมองหาช่องทางที่จะได้เงินกลับขึ้นมา จึงไปลงทุนในบ้านแชร์อีกราย ชื่อ บ้านออมเงิน บาย ออมสิน ซึ่งเปิดวงแชร์ในอินสตราแกรมเช่นกัน ลงทุนไป 7,000 บาท และโดนโกงซ้ำอีก จึงเป็นสาเหตุให้ก่อเหตุชิงทอง
พล.ต.ท.กรไชย กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องนี้ต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ในส่วนที่เยาวชนหญิงอายุ 17 ปี ก่อเหตุชิงทองเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ต้องว่าไปตามกฏหมาย โดยมีโทษทางอาญา แต่ในส่วนของการถูกโกงเงิน ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องสืบสวนตรวจสอบและปราบปรามผู้ที่หลอกลวงฉ้อโกงเงินผู้อื่น ซึ่งเยาวชนหญิงถือว่าคือผู้เสียหายที่ถูกโกงเงิน และได้ร้องเรียนเข้ามาแล้ว เบื้องต้นได้เรียกสอบปากคำมารดาและตัวเยาวชนหญิงแล้ว
ส่วนการตรวจสอบบ้านแชร์ทั้งสองราย พบว่าปิดอินสตราแกรมไปแล้ว และไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงกัน รวมถึงยังไม่มีประชาชนผู้ลงทุนรายอื่นมาร้องเรียนในฐานะผู้เสียหาย
ทั้งนี้ พล.ต.ท.กรไชย ได้ย้ำเตือนประชาชนผู้ที่มีความสนใจในการลงทุนแชร์ออมเงิน หรือการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศต่างๆ ที่กำลังเป็นที่นิยม ว่า ให้ตรวจสอบสถาบัน หรือแหล่งที่มาผู้ชักชวนให้รอบคอบ และย้ำว่าการให้ผลตอบแทนสูง เช่น ลงทุน 1,000 บาท ให้กำไร 900 บาท ไม่มีอยู่จริง