นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า โควิด-19 สามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านละอองน้ำมูก น้ำลาย เวลาไอหรือจาม แต่ถ้าทุกคนสวมหน้ากากป้องกัน จะสามารถลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อทั้งตัวเองและผู้อื่นได้ ซึ่งจากผลสำรวจของอนามัยโพล ประเด็น "พฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด-19 ของประชาชนตามหลัก DMHTT และการสังเกตเห็นคนในชุมชนละแวกที่พักสวมหน้ากากเมื่อออกนอกบ้าน" ณ วันที่ 19 กรกฎาคม – 20 สิงหาคม 2564 จำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม 6,087 คน พบว่า พฤติกรรมการป้องกันโรคที่ประชาชนปฏิบัติได้มากที่สุด คือ การสวมหน้ากากตลอดเวลาในที่สาธารณะ ร้อยละ 98.1 รองลงมาคือ ล้างมือเป็นประจำ ร้อยละ 94.3 รักษาระยะห่าง ร้อยละ 91.7 ตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าสถานที่ต่างๆ ร้อยละ 91 และแสกนไทยชนะ ร้อยละ 64.4 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ผลโพลประเด็นการสังเกตเห็นคนในชุมชนละแวกที่พักสวมหน้ากากเมื่อออกนอกบ้าน ยังได้สะท้อนให้เห็นอีกด้านหนึ่งว่า ประชาชนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัดนั้น พบเห็นผู้คนสวมหน้ากากและสวมถูกต้อง ร้อยละ 73.2 ขณะที่ร้อยละ 26.8 ยังสวมหน้ากากกันน้อยและสวมไม่ถูกต้อง
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า กรมอนามัยขอเน้นย้ำให้ประชาชนสวมหน้ากากตลอดเวลาและสวมให้ถูกวิธี เพื่อป้องกันการติดและแพร่เชื้อ โดยต้องสวมให้ปิดจมูก ปาก คาง และกระชับกับใบหน้า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงพบผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่องและเป็นวงกว้าง การสวมหน้ากากจึงต้องยกระดับการเข้มงวดด้วยการสวมหน้ากากเมื่อออกนอกบ้านตลอดเวลา และเมื่ออยู่ภายในบ้านเวลาทำกิจกรรมใกล้ชิดกับสมาชิกในครอบครัว โดยเฉพาะช่วงที่ดูทีวีร่วมกัน พูดคุยกัน หรืออยู่ในห้องปรับอากาศร่วมกัน รวมทั้งเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยติดเตียง
สำหรับประชาชนที่ยังมีความจำเป็นต้องเดินทางออกจากบ้าน ขอให้ยึดหลัก DMHTT เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ ตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าสถานที่ต่างๆ สแกนไทยชนะ และประเมินตนเอง ผ่านไทยเซฟไทย รวมถึงควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนอยู่แออัด หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ และเมื่อกลับถึงบ้านแล้วต้องทำความสะอาดร่างกายทันที เพื่อลดโอกาสการนำเชื้อเข้ามาติดต่อสู่คนในครอบครัว