นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่พบมีการติดเชื้อกันเองภายในครอบครัวร้อยละ 20 มีการติดเชื้อกันภายในชุมชนร้อยละ 20 และจากข้อมูลการเสียชีวิตของผู้ป่วยในช่วง 14 วันที่ผ่านมา พบผู้เสียชีวิตติดเชื้อในครอบครัว ร้อยละ 18 ติดจากเพื่อนบ้านในชุมชน ร้อยละ 23 และติดจากการเดินทางไปพื้นที่เสี่ยงหรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยง ร้อยละ 51
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวว่า จากผลสำรวจอนามัยโพลประเด็นการประเมินความเสี่ยงและพฤติกรรมการป้องกันโรคของครอบครัว ระหว่างวันที่ 19 กรกฎาคม – วันที่ 4 สิงหาคม 2564 พบว่าคนในครอบครัวไม่มีการประเมินความเสี่ยงของสมาชิกในบ้าน เช่น ไม่มีการสังเกตอาการเบื้องต้น ตรวจวัดอุณหภูมิ หรือไม่ใช้แอปพลิเคชัน ไทยเซฟไทย เป็นต้น สูงถึงร้อยละ 83.4 สำหรับในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พบว่า ประชาชนไม่มีการประเมินความเสี่ยงของคนในบ้าน ร้อยละ 67.5 ส่วนพฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด-19 ในบ้านที่ประชาชนเห็นด้วยและสามารถทำได้มากที่สุดคือ การแยกกันกินเมื่ออยู่ในบ้าน ร้อยละ 53.1 รองลงมาคือ การเว้นระยะห่าง ร้อยละ 50.1 และการสวมหน้ากากในบ้านตลอดเวลา ร้อยละ 49.9 ตามลำดับ
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงนี้ กรมอนามัยจึงขอความร่วมมือให้ทุกคนในครอบครัวปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ด้วยการเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1–2 เมตร หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกัน มีการแยกส่วนหรือพื้นที่พร้อมทั้งจัดห้องพักให้โล่ง โปร่ง อากาศถ่ายเทได้ดี มีแสงแดดเข้าถึง แต่หากไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทำกิจกรรมใกล้ชิดกับสมาชิกในครอบครัว เช่น ดูทีวีร่วมกัน พูดคุยกัน เมื่ออยู่ในห้องปรับอากาศร่วมกัน หรือเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยติดเตียงในบ้าน ต้องให้คนในครอบครัวสวมหน้ากากและสวมให้ถูกวิธี โดยให้ปิดจมูก ปาก คาง และกระชับกับใบหน้า
นอกจากนี้ ให้งดการกินอาหารร่วมกัน รวมถึงแยกของใช้ส่วนตัว เช่น จาน ชาม ช้อน ส้อม เป็นต้น และลด เลี่ยง การออกไปในสถานที่เสี่ยงนอกบ้าน หมั่นล้างมือเป็นประจำ รวมทั้งทำความสะอาดอุปกรณ์ และบริเวณที่จับร่วมกันบ่อยๆ เช่น ตู้เย็น ลูกบิดประตู ราวบันได โต๊ะอาหาร เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในครอบครัว
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวว่า จากผลสำรวจอนามัยโพลประเด็นการประเมินความเสี่ยงและพฤติกรรมการป้องกันโรคของครอบครัว ระหว่างวันที่ 19 กรกฎาคม – วันที่ 4 สิงหาคม 2564 พบว่าคนในครอบครัวไม่มีการประเมินความเสี่ยงของสมาชิกในบ้าน เช่น ไม่มีการสังเกตอาการเบื้องต้น ตรวจวัดอุณหภูมิ หรือไม่ใช้แอปพลิเคชัน ไทยเซฟไทย เป็นต้น สูงถึงร้อยละ 83.4 สำหรับในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พบว่า ประชาชนไม่มีการประเมินความเสี่ยงของคนในบ้าน ร้อยละ 67.5 ส่วนพฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด-19 ในบ้านที่ประชาชนเห็นด้วยและสามารถทำได้มากที่สุดคือ การแยกกันกินเมื่ออยู่ในบ้าน ร้อยละ 53.1 รองลงมาคือ การเว้นระยะห่าง ร้อยละ 50.1 และการสวมหน้ากากในบ้านตลอดเวลา ร้อยละ 49.9 ตามลำดับ
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงนี้ กรมอนามัยจึงขอความร่วมมือให้ทุกคนในครอบครัวปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ด้วยการเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1–2 เมตร หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกัน มีการแยกส่วนหรือพื้นที่พร้อมทั้งจัดห้องพักให้โล่ง โปร่ง อากาศถ่ายเทได้ดี มีแสงแดดเข้าถึง แต่หากไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทำกิจกรรมใกล้ชิดกับสมาชิกในครอบครัว เช่น ดูทีวีร่วมกัน พูดคุยกัน เมื่ออยู่ในห้องปรับอากาศร่วมกัน หรือเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยติดเตียงในบ้าน ต้องให้คนในครอบครัวสวมหน้ากากและสวมให้ถูกวิธี โดยให้ปิดจมูก ปาก คาง และกระชับกับใบหน้า
นอกจากนี้ ให้งดการกินอาหารร่วมกัน รวมถึงแยกของใช้ส่วนตัว เช่น จาน ชาม ช้อน ส้อม เป็นต้น และลด เลี่ยง การออกไปในสถานที่เสี่ยงนอกบ้าน หมั่นล้างมือเป็นประจำ รวมทั้งทำความสะอาดอุปกรณ์ และบริเวณที่จับร่วมกันบ่อยๆ เช่น ตู้เย็น ลูกบิดประตู ราวบันได โต๊ะอาหาร เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในครอบครัว