น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบในวงกว้าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับกับหน่วยงานต่างๆ ให้ดูแลกลุ่มเปราะบางของสังคมอย่างทั่วถึง ทั้งเด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในกรณีของเด็กนั้นพบว่าได้รับผลกระทบจำนวนมาก ทั้งจากเป็นผู้ป่วยเองและได้รับผลกระทบจากกรณีพ่อแม่ ผู้ปกครองป่วยแล้วไม่มีผู้ดูแลเด็ก เด็กขาดแคลนอาหารและยา รวมถึงต้องหลุดออกจากวงจรการศึกษา การเล็งเห็นปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับเด็ก 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสล.) สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ และยูนิเซฟ ได้ร่วมกันจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 ขึ้น เพื่อบูรณาการข้อมูลเด็กที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งประเทศ
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ศูนย์ฯ ดังกล่าวได้รวมพลังของเจ้าหน้าที่จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อาสาสมัครชุมชน อาสาสมัครครูทั้งในและนอกระบบ อาสาสมัครสภาเด็กและเยาวชน เข้ามาร่วมดูแลเด็กเพื่อช่วยเหลือเด็กได้ทันสถานการณ์ ไม่ถูกปล่อยให้โดดเดี่ยว โดยจะมีกลไกการรับเด็กที่ได้รับผลกระทบผ่านช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะการรับแจ้งข้อมูลจากประชาชน รัฐบาลจึงขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศร่วมกันแจ้งข้อมูลเด็กที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เข้ามายังศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 ทั้งการแจ้งผ่านไลน์ @savekidscovid19 หรือช่องทางอื่นๆ เช่น แอปพลิเคชันคุ้มครองเด็ก สายด่วนศูนย์ช่วยเหลือสังคม โทร. 1300 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยรับเรื่องตลอด 24 ชั่วโมง หรือแจ้งได้ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อช่วยกันดูแลให้เด็กได้รับความช่วยเหลือเร็วที่สุด