นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้แถลงข่าวผ่านเฟซบุ๊กสหพันธ์ฯ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 ว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในหลายพื้นที่ขณะนี้ที่มีความรุนแรงมากขึ้น จึงขอเชิญชวนให้ผู้ประกอบการขนส่งและประชาชนชาวไทย งดการออกนอกบ้าน งดการเดินทาง งดทำกิจกรรมร่วมกันสักระยะหนึ่ง เพื่อช่วยกันหยุดการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากการระบาดครั้งนี้มีความอันตรายมาก ดังนั้น ตามที่รัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ มาคุมเข้ม เช่น การเคอร์ฟิว หรือล็อกดาวน์ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีการแพร่ระบาดจำนวนมากนั้น ตนเห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว เพราะทำให้หยุดการแพร่เชื้อ ไม่ให้เกิดการกระจายไปยังพื้นที่อื่น รวมทั้งหยุดการเดินทาง หรือการหยุดทำกิจกรรมต่างๆ ด้วย
ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการรถบรรทุก ถือเป็นขุนศึกด่านที่ 2 รองจากบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นขุนศึกด่านหน้าแล้วนั้น แม้รัฐบาลจะขอความร่วมมือให้ประชาชนอยู่ที่บ้าน แต่ยืนยันว่า ประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนก เพราะระบบการขนส่งสินค้าอุปโภค-บริโภคไม่ได้หยุดบริการ อย่ากังวลว่าสินค้าจะขาดแคลน ระบบลอจิสติกส์ยังให้บริการตามปกติ มีการกระจายสินค้าไปทั่วประเทศ เช่น กรุงเทพฯ-เชียงราย, กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี และกรุงเทพฯ-หนองคาย
ซึ่งการขนส่งนี้บริหารจัดการให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกันโควิด-19 ของรัฐบาล และปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เช่น สวมหน้ากากอนามัย 2 ชั้น มีเจลแอลกอฮอล์บริการ และใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดรถทุกครั้ง
อย่างไรก็ตาม พนักงานที่ทำงานด้านภาคขนส่งลอจิสติกส์เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วประมาณ 6,000 โดส หรือไม่ถึง 10,000-20,000 คน จากที่มีบุคลากรด้าน
ลอจิสก์ทั้งหมด 6,000,000 คน ดังนั้น ฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พิจารณาจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมให้ภาคลอจิสติกส์ เพื่อให้ได้รับวัคซีนที่ครอบคลุมมากขึ้น เนื่องจากกังวลว่าหากมีพนักงานในภาคขนส่งติดโควิด-19 แล้วนำมาแพร่กระจายขยายเป็นวงกว้าง จะทำให้ส่งผลกระทบและเกิดปัญหาตามมาได้ โดยเฉพาะการขาดแคลนพนักงานขับรถบรรทุกสินค้า ซึ่งจะไม่สามารถนำไปส่งถึงมือประชาชนได้
ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า ชาวลอจิสติกส์จะพยายามขนส่งสินค้าให้ประชาชนทั่วประเทศได้อุปโภคบริโภคต่อไป และขอให้ทุกท่านดูแลตนเอง เพื่อความปลอดภัย และเราจะผ่านวิกฤตช่วงโควิดนี้ไปด้วยกัน
