xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ กำชับเร่งฉีดวัคซีนผู้สูงอายุ-7 กลุ่มโรคเสี่ยง เล็งจัดหาวัคซีนทางเลือกเพิ่มให้ครอบคลุมทุกสายพันธุ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีที่หลายจังหวัดระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับผู้สูงอายุ 60 ปี และ 7 กลุ่มโรคเสี่ยง โดยระบุว่ามีวัคซีนไม่เพียงพอ ว่า ขณะนี้การนำเข้าวัคซีนยังเป็นไปตามเป้าหมายที่เจรจาไว้กับบริษัทผู้ผลิต เช่น แอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 61 ล้านโดส และบริษัทผู้ผลิตวัคซีนก็ยืนยันจะจัดส่งวัคซีนตามข้อตกลง ซึ่งเดือนมิถุนายน จัดส่งวัคซีน 6 ล้านโดส ตามข้อตกลงเดิม และจะมีวัคซีนจากบริษัทอื่นๆ เข้ามาเพิ่มเติม เช่น ซิโนแวค รวมถึงวัคซีนที่ญี่ปุ่นจะบริจาคให้กับไทยด้วย จำนวน 1.05 ล้านโดส ภายในต้นเดือนกรกฏาคมนี้

นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุและ 7 กลุ่มโรคเสี่ยง ที่ลงทะเบียนหมอพร้อมไว้ให้เร็วที่สุด โดยยอดฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 28 มิถุนายน 2564 รวม 9,436,690 โดส

ส่วนที่มีการระบุว่าวัคซีนซิโนแวคอาจป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) และเบตา (แอฟริกาใต้)ได้ไม่ดีพอ รัฐบาลจะทบทวนการนำเข้าวัคซีนตัวนี้และจัดหาวัคซีนตัวอื่นมาทดแทนหรือไม่นั้น นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลอยู่ระหว่างการจัดหาวัคซีนอื่นๆ เข้ามาเพิ่มเติม เพื่อให้คนไทยมีภูมิคุ้มกันต่อโควิด-19 สายพันธุ์ต่างๆ อย่างครอบคลุม และให้ทันต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามแพทย์ แนะนำว่าทุกคนควรฉีดวัคซีนโดยเร็ว เพื่อลดความรุนแรงของโรคและให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ส่วนข้อเสนอให้จัดหาวัคซีนนาโนแวค เพราะมีผลข้างเคียงน้อยกว่าและมีประสิทธิภาพดีกว่านั้น กระทรวงสาธารณสุขกำลังพิจารณาศึกษารายละเอียดทั้งหมด

สำหรับกระแสโจมตีรัฐบาลในโซเชียลมีเดียที่เรียกกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกนั้น นายอนุชา ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีได้รับฟังทุกข้อเสนอจากทุกกลุ่ม และเร่งแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง และดำเนินมาตรการตามความเหมาะสม เพื่อให้สามารถหยุดการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้โดยเร็วที่สุด