xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลชี้คนงานหนีแคมป์ไม่มาก เหตุไม่ชัดมาตรการช่วย ห่วงไม่เวิร์กฟอร์มโฮม ยันวัคซีนมาตามที่คุย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โฆษกรัฐบาล แจงแทน “ประยุทธ์” อ้างคนงานหนีออกจากแคมป์จำนวนไม่มาก เหตุรัฐยังไม่ชัดเจนมาตรการช่วยเหลือ “ห่วง” เอกชนไม่สนนโยบายเวิร์กฟอร์มโฮม เล็งเยียวยาส่วนอื่นต่อ รวมถึงภาคสถานบันเทิง ยันส่งมอบวัคซีนตามที่เจรจา รับคุยนำเข้ายี่ห้ออื่นๆ

วันนี้ (29 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามแทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กรณีการปิดแคมป์งานทำให้มีแรงงานส่วนหนึ่งหนีกลับจังหวัด ทำให้คนในพื้นที่ต่างจังหวัดเกิดความกลัวเรื่องการกระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า เรื่องนี้ได้รับคำชี้แจงจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เบื้องต้นจากที่ได้มีการประชุมกับสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้รับการยืนยันว่า การที่มีประกาศปิดแคมป์คนงานแล้ว มีกระแสข่าวคนงานออกจากพื้นที่กลับภูมิลำเนานั้น ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ยืนยันว่า เป็นจำนวนน้อยเท่านั้นที่เดินทางกลับภูมิลำเนา เนื่องจากขณะนั้นอาจจะยังไม่ทราบถึงมาตรการที่รัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือ บางแคมป์มีคนงาน 800-900 คน ก็ยอมรับว่า มีคนงานกลับภูมิลำเนาจริง แต่มีจำนวนเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น ดังนั้น การใช้คำว่าผึ้งแตกรัง อาจจะไม่ใช่อย่างนั้นทั้งหมด นอกจากนี้ เมื่อกระทรวงแรงงานมีมาตรการเยียวยาต่างๆ แล้ว จะมีการเข้าไปควบคุมดูแลร่วมกับฝ่ายความมั่นคง เข้าไปดูแลเรื่องอาหารการกิน ความเป็นอยู่ และการตรวจเช็กชื่อและจ่ายเงินสดทุกๆ 5 วัน ให้กับแรงงานและแคมป์คนงานด้วย

นายอนุชา กล่าวว่า ส่วนที่เกี่ยวกับพื้นที่ต่างจังหวัด ได้มีการประสานกระทรวงมหาดไทย และคนในพื้นที่จังหวัดนั้นๆ ให้พิจารณาให้ความสำคัญกับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ดังนั้น การเดินทางกลับจะมีการพิจารณาโดยกระทรวงาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทยที่ดูแลในพื้นที่อยู่ โดยที่ผ่านมาจะมีแต่ละจังหวัดประกาศให้ผู้ที่เดินทางมาจาก 10 จังหวัดเสี่ยงกักตัว และรายงานตัวกับผู้นำชุมชน หรือ อสม. แต่อย่างไรก็ตาม จนถึง ณ วันนี้ เราได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากภาคเอกชนที่ควบคุมแคมป์คนงานไม่ให้เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือออกจากแคมป์

เมื่อถามว่า นายกฯเป็นห่วงหรือไม่ที่มีบริษัทเอกชนหลายบริษัทเริ่มไม่ใช้มาตรการเวิร์กฟอร์มโฮม หรือทำงานที่บ้านแล้ว นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯมีความเป็นห่วงในกรณีนี้ และอยากขอความร่วมมือจากภาคเอกชนในการให้พนักงานได้ทำงานที่บ้านเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ โดยส่วนราชการ นายกฯ ได้กำชับหน่วยงานต่างๆ พิจารณาอย่างเข้มงวดในการให้พนักงานราชการในหน่วยงานต่างๆ ดำเนินการในลักษณะเดียวกันจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นกว่าปัจจุบัน

เมื่อถามว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น 4,000-5,000 คน สะท้อนว่า ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่ และจะทำให้ตัวเลขลดลงได้อย่างไร นายอนุชา กล่าวว่า จากมาตรการที่รัฐบาลมีการออกประกาศมา เป็นส่วนหนึ่งในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทั้งหมดต้องหวังว่าประชาชนจะเข้าใจที่ต้องดำเนินการในลักษณะเช่นนี้เพื่อให้การควบคุมการแพร่ระบาดมีประสิทธิภาพ

เมื่อถามถึงมาตรการช่วยเหลือศิลปิน ลูกจ้างฟรีแลนซ์ และผู้ประกอบการสถานบันเทิง ที่ถูกสั่งปิดมานานหลายเดือน นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯได้มีการพูดคุยกับทางทีมเศรษฐกิจ ว่า นอกเหนือจากการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการออกระเบียบฉบับล่าสุดแล้ว ผู้ประกอบการรายอื่นๆ นายกฯ ได้ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องพิจาณรามาตรการออกมาเยียวยาให้เร็วที่สุด

เมื่อถามถึงกรณีบางจังหวัดระงับการฉีดวัคซีนให้กับคนอายุ 60 ปี และผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 7 โรค โดยระบุวัคซีนไม่เพียงพอ นายอนุชา กล่าวว่า ที่ได้มีการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีน เช่น แอสตร้าเซนเนก้า ก็ยังยืนยันที่จะส่งมอบวัคซีนให้รัฐบาลไทยในจำนวนเป้าหมายเดิมที่ได้มีการเจรจากันไว้ที่ 61 ล้านโดส ซึ่งในเดือนมิถุนายนนี้ ยืนยันแล้วว่า ที่จะมีการส่งมอบ 6 ล้านโดส ก็ยังเป็นไปตามที่ได้พูดคุยกันไว้ เช่นเดียวกันกับวัคซีนอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มเติมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น ซิโนแวค ที่ได้รับการยืนยันจากประเทศจีนแล้ว และในที่ประชุม ครม. ก็ได้รับทราบว่า ประเทศญี่ปุ่นจะส่งวัคซีนให้กับไทยจำนวน 1 ล้าน 5 หมื่นโดส ภายในต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ทั้งนี้ นายกฯได้ให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุ และ 7 โรคกลุ่มเสี่ยง ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เก่ยวข้องจัดลำดับความสำคัญให้ผู้ที่ลงทะเบียนในหมอพร้อมได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด

เมื่อถามว่า วัคซีนซิโนแวคอาจจะป้องกันไวรัสสายพันธุ์อื่นได้ไม่ดีพอ จะมีการทบทวนการนำเข้าหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนี้ นายกฯได้พูดคุย และหารือกับที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขเพื่อบริหารจัดการวัคซีนแล้ว ในการนำวัคซีนยี่ห้ออื่นๆ เข้ามา เพื่อให้คนไทยมีภูมิคุ้มกัน ทั้งนี้ รัฐบาล และบุคลากรทางการแพทย์อยากให้ทุกท่านได้ฉีดวัคซีนที่รัฐบาลหามา หรือวัคซีนทางเลือกอื่นๆ เพราะการฉีดวัคซีนจำทำให้เกิดภูมิ และเมื่อติดเชื้อแล้วการที่จะมีอาการรุนแรง และการเสียชีวิตจะน้อยลง


กำลังโหลดความคิดเห็น