นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย แจ้งว่าคณะอนุกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติ ด้านสมุนไพรครั้งที่ 5/2564 ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 มีมติคัดเลือกรายการยาจากสมุนไพร จำนวน 2 รายการ เข้าบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้แก่ ยาสกัดจากฟ้าทะลายโจร และยาจากผงฟ้าทะลายโจร เพื่อให้ใช้กับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีความรุนแรงน้อย เพื่อลดการเกิดโรคที่รุนแรง โดยมีการกำหนดรูปแบบ ข้อบ่งชี้ ขนาด วิธีใช้ แต่กลับระบุในหมายเหตุว่า "ให้ใช้โดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม" นั้น
การกำหนดให้การใช้ยาดังกล่าวอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพรต้องให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเป็นผู้สั่งเท่านั้น อาจถือได้ว่าเป็นการปิดกั้น การเข้าถึงยาประเภทดังกล่าวของชาวบ้านทั่วไป ทั้งๆที่ในอดีตที่ผ่านมาการเข้าถึงยาประเภทดังกล่าวเพื่อใช้ในการบรรเทาการไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล มีไข้ และยับยั้งไวรัสโควิด-19 ที่มีความรุนแรงน้อยได้นั้น ประชาชนสามารถเข้าถึง และหรือใช้ได้โดยไม่จำเป็นต้องให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเป็นผู้สั่งหรือกำหนดแต่อย่างใด ซึ่งหากปล่อยให้การสั่งและใช้ยาต้องผ่านผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเท่านั้น ต่อไปนี้ชาวบ้านจะซื้อหาหรือใช้ยาดังกล่าวมาใช้ จะไม่สามารถทำได้อีกต่อไป จนกว่าจะมีผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมสั่งให้เท่านั้น กระนั้นหรือ
อีกทั้งการขึ้นทะเบียนยาดังกล่าว มิได้กล่าวถึงหรือขึ้นทะเบียนสมุนไพรฟ้าทลายโจรในรูปแบบ “ผงหยาบ” แต่อย่างใด แต่กลับไปมุ่งเน้นแต่เฉพาะการใช้ยาที่มาจากสารสกัดที่มี Andrographolide ขนาด 60-120 มิลลิกรัม และ 180 มิลลิกรัมเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะต้องมาจากโรงงานผลิตที่เป็นอุตสาหกรรมเท่านั้น ชาวบ้านธรรมดาหรือหมอยาชาวบ้านคงผลิตขึ้นไม่ได้ จึงเป็นที่สงสัยว่า ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระทรวงสาธารณสุขทั้งหลาย มีผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝงต่อการขึ้นทะเบียนยาดังกล่าวหรือไม่
ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ภาคประชาชนและเครือข่ายทางการแพทย์แผนไทย จึงจะเดินทางไปยื่นหนังสือคัดค้านต่อ รมว.กระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอให้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และคณะอนุกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร ได้พิจารณาทบทวนมติดังกล่าวในวันพุธที่ 2 มิ.ย.64 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงฯ ถนนติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี