เพจ TIPA – สมาคมเภสัชกรอุตสาหการ ประเทศไทย ออกแถลงการณ์ เรื่องวัคซีนชนิดหลายโดส โดยระบุว่า สมาคมฯ มีความกังวลในความเข้าใจคลาดเคลื่อนของการบริหารยาของวัคซีนชนิดหลายโดส (multiple dose vaccine) จึงใคร่ขอชี้แจงหลักเกณฑ์ทางวิชาการ ดังนี้
1.การผลิตยาปราศจากเชื้อตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีและตามข้อกำหนดของเภสัชตำรับ มีข้อกำหนดให้การบรรจุมีปริมาตรส่วนเกินเพิ่มจากปริมาณที่กำหนดบนฉลาก เพื่อทดแทนการสูญเสียจากการดูดยาในแต่ละโดส โดยเภสัชตำรับได้กำหนดปริมาตรส่วนเกิดขึ้นกับลักษณะทางกายภาพของยาว่ามีลักษณะใสและมีความหนืด การพิจารณาการบรรจุปริมาตรส่วนเกิน เป็นข้อมูลจากการวิจัยพัฒนาของผู้ผลิตและหลักเกณฑ์ วิธีการที่ดีในการบรรจุ
2.กรณีของวัคซีนโควิดของแอสตร้าเซเนกา ที่ใช้ในไทยเป็นชนิดขวดละ 10 โดส การดูดวัคซีนจากขวดในกระบอกฉีดและเข็มฉีดยาสำหรับการฉีดแต่ละคน ในการดูดวัคซีนแต่ละครั้งให้ได้ปริมาตรที่ฉีด 0.5 ม.ล.ต่อโดส ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หลังจากฉีดครบจำนวนโดสที่ระบุในฉลากและเอกสารกำกับยาอาจมีวัคซีนบางส่วนในขวดซึ่งเป็นปกติ หากใช้กระบอกฉีดและเข็มฉีดยาแบบพิเศษอาจมีวัคซีนเหลือพอสำหรับการฉีดอีก 1 โดส แต่ต้องมั่นใจว่าปริมาตรวัคซีนที่เหลือต้องสามารถฉีดให้ครบ 1 โดสได้จริง หากไม่พอต้องทิ้งวัคซีนที่เหลือในขวดไป และห้ามนำไปรวมกับวัคซันที่เหลือในขวดอื่น เพราะอาจเกิดความเสี่ยงปนเปื้อน
3.เนื่องจากวัคซีนเป็นยาปราศจากเชื้อที่ไม่ได้เติมสารกันเสีย จึงต้องระวังการปนเปื้อนในการบริหารยา โดยใช้เทคนิคปราศจากเชื้อ รวมทั้งระมัดระวังการปนเปื้อนจากเศษจุกยางที่หลุดร่วงลงในน้ำยา จากการใช้ขนาดของเข็มฉีดยาที่ไม่เหมาะสม และใช้เข็มแทงซ้ำหลายครั้ง หลังจากการใช้วัคซีนครั้งแรกแล้ว ควรใช้วัคซีนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และใช้ภายใน 6 ชั่วโมง (เมื่อเก็บที่อุณหภูมิระหว่าง 2-25 องศาเซลเซียส ) และให้ทิ้งวัคซีนส่วนที่ไม่ได้ใช้ไป