น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำกลุ่มราษฎร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Panusaya Sithijirawattanakul แจ้งว่า พ่อกับแม่ของตนติดเชื้อโควิด-19 อยู่ระหว่างการประสานเพื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล พร้อมตำหนิเรือนจำที่ปิดบังข้อมูลและทำงานไร้ประสิทธิภาพ โดยระบุข้อความว่า
"แจ้งให้ทุกคนทราบว่าตอนนี้พ่อกับแม่ของหนูติดโควิดแล้วนะคะ กำลังประสานรับการรักษาที่โรงพยาบาล และได้แจ้งผู้ที่ใกล้ชิดเรียบร้อยแล้วค่ะ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวหนูและครอบครัวหนูในตอนนี้ หนูไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดออกมาได้เลยว่าหนูรู้สึกเสียใจและโกรธมากแค่ไหน กับการที่หนูและเพื่อนๆ ถูกนำตัวไปขังระหว่างพิจารณาคดี เป็นระยะเวลากว่า 2 เดือน และบางคนยังคงถูกคุมขังอยู่จนถึงทุกวันนี้ จนทำให้หนูและเพื่อนๆ หลายคนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาจากในเรือนจำ และยังทำให้คนใกล้ชิดหนู ต้องติดโรคไปจากหนูด้วยเพราะผู้ต้องขังและนักโทษไม่เคยรู้เลยว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หนักแค่ไหนในทุกเรือนจำ เพราะในทุกๆ วัน เจ้าหน้าที่จะบอกเราว่าให้สบายใจได้ ไม่มีใครติด แค่ป้องกันตัวเองให้ดีก็พอ
ทั้งๆ ที่กรมราชทัณฑ์ มีหน้าที่ ที่จะต้องดูแลความเป็นอยู่ของผู้ต้องขังและนักโทษทั้งหมด รวมถึงเรื่องสุขภาพและสุขอนามัยโดยเฉพาะสถานการณ์แบบนี้ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างหนัก
ราชทัณฑ์แถลงค่ะ บอกว่าควบคุมได้ บอกว่ารับมือได้ แต่พวกเราก็ยังเห็นอยู่ ว่ายอดผู้ติดเชื้อในเรือนจำเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะวันนี้ที่มียอดพุ่งขึ้นมากกว่า 1,000 ราย และหนูถามจริงๆ เถอะค่ะ ที่แถลงออกมาทั้งหมดเนี่ย ยังมีอะไรปิดบังสังคมอยู่หรือไม่ ขนาดเรื่องการกักตัวของหนูพวกคุณยังโกหกหน้าด้านๆ แก้ตัวแบบเนียนๆ โถ! ข้าราชการระดับพวกคุณใช้วิธีเหมือนเล่นหลอกเด็กเลยค่ะ คิดว่าคนเขาอ่านหนังสือกันไม่ออกหรืออย่างไร
และหนูโกรธ ที่พวกคุณหน้าด้าน และยังตอแหลอยู่ ว่าคุณดูแลชีวิตคนในเรือนจำได้ ทั้งๆ ที่ทุกวันนี้ พวกเขาเหมือนอยู่เพื่อรอความตาย เพราะการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของพวกคุณ และมาตรการป้องกันโรคที่ดักดานของพวกคุณ ที่พวกคุณคิดกันเอาเองว่ามันดีแล้วโดยไม่ได้ประเมินร่วมกับมาตรฐานสากลเลย
ผู้ต้องขังและนักโทษทุกคน มีชีวิตที่จะต้องอยู่ต่อไป พวกเขามีคนรักที่รอพวกเขากลับบ้าน มีลูกๆ หลานๆ ที่พวกเขาหวังจะให้เติบโตมาเป็นอย่างดี และมีพ่อแม่ ที่เขาหวังว่าซักวันหนึ่ง เขาจะได้กลับบ้านไปกอดพวกท่านอีกครั้ง
หนูถามจริงๆ เถอะค่ะกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ในเรือนจำทุกคน ถ้าคนที่ต้องอยู่ในเรือนจำนั้นเป็นพ่อแม่คุณ เป็นครอบครัวคุณ เป็นลูกหลานคุณ คุณจะทำตัวปล่อยปละละเลยแบบที่ทำอยู่หรือไม่"
"แจ้งให้ทุกคนทราบว่าตอนนี้พ่อกับแม่ของหนูติดโควิดแล้วนะคะ กำลังประสานรับการรักษาที่โรงพยาบาล และได้แจ้งผู้ที่ใกล้ชิดเรียบร้อยแล้วค่ะ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวหนูและครอบครัวหนูในตอนนี้ หนูไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดออกมาได้เลยว่าหนูรู้สึกเสียใจและโกรธมากแค่ไหน กับการที่หนูและเพื่อนๆ ถูกนำตัวไปขังระหว่างพิจารณาคดี เป็นระยะเวลากว่า 2 เดือน และบางคนยังคงถูกคุมขังอยู่จนถึงทุกวันนี้ จนทำให้หนูและเพื่อนๆ หลายคนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาจากในเรือนจำ และยังทำให้คนใกล้ชิดหนู ต้องติดโรคไปจากหนูด้วยเพราะผู้ต้องขังและนักโทษไม่เคยรู้เลยว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หนักแค่ไหนในทุกเรือนจำ เพราะในทุกๆ วัน เจ้าหน้าที่จะบอกเราว่าให้สบายใจได้ ไม่มีใครติด แค่ป้องกันตัวเองให้ดีก็พอ
ทั้งๆ ที่กรมราชทัณฑ์ มีหน้าที่ ที่จะต้องดูแลความเป็นอยู่ของผู้ต้องขังและนักโทษทั้งหมด รวมถึงเรื่องสุขภาพและสุขอนามัยโดยเฉพาะสถานการณ์แบบนี้ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างหนัก
ราชทัณฑ์แถลงค่ะ บอกว่าควบคุมได้ บอกว่ารับมือได้ แต่พวกเราก็ยังเห็นอยู่ ว่ายอดผู้ติดเชื้อในเรือนจำเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะวันนี้ที่มียอดพุ่งขึ้นมากกว่า 1,000 ราย และหนูถามจริงๆ เถอะค่ะ ที่แถลงออกมาทั้งหมดเนี่ย ยังมีอะไรปิดบังสังคมอยู่หรือไม่ ขนาดเรื่องการกักตัวของหนูพวกคุณยังโกหกหน้าด้านๆ แก้ตัวแบบเนียนๆ โถ! ข้าราชการระดับพวกคุณใช้วิธีเหมือนเล่นหลอกเด็กเลยค่ะ คิดว่าคนเขาอ่านหนังสือกันไม่ออกหรืออย่างไร
และหนูโกรธ ที่พวกคุณหน้าด้าน และยังตอแหลอยู่ ว่าคุณดูแลชีวิตคนในเรือนจำได้ ทั้งๆ ที่ทุกวันนี้ พวกเขาเหมือนอยู่เพื่อรอความตาย เพราะการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของพวกคุณ และมาตรการป้องกันโรคที่ดักดานของพวกคุณ ที่พวกคุณคิดกันเอาเองว่ามันดีแล้วโดยไม่ได้ประเมินร่วมกับมาตรฐานสากลเลย
ผู้ต้องขังและนักโทษทุกคน มีชีวิตที่จะต้องอยู่ต่อไป พวกเขามีคนรักที่รอพวกเขากลับบ้าน มีลูกๆ หลานๆ ที่พวกเขาหวังจะให้เติบโตมาเป็นอย่างดี และมีพ่อแม่ ที่เขาหวังว่าซักวันหนึ่ง เขาจะได้กลับบ้านไปกอดพวกท่านอีกครั้ง
หนูถามจริงๆ เถอะค่ะกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ในเรือนจำทุกคน ถ้าคนที่ต้องอยู่ในเรือนจำนั้นเป็นพ่อแม่คุณ เป็นครอบครัวคุณ เป็นลูกหลานคุณ คุณจะทำตัวปล่อยปละละเลยแบบที่ทำอยู่หรือไม่"