วันนี้ (29 มี.ค.64) นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการประเมินผลกระทบการส่งออกสินค้าไทยไปยังยุโรป กรณีเรือบรรทุกสินค้าขนาดยักษ์ประสบเหตุขวางคลองสุเอซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือสายสำคัญระหว่างทะเลแดงกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนั้น หากสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ภายในไม่เกิน 1 เดือน จะกระทบการส่งออกไทยไปยุโรปไม่มากนัก เพราะบริษัทเดินเรือสามารถหันไปใช้เส้นทางอ้อมผ่านแหลมกู๊ดโฮปได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลานานขึ้นประมาณ 2 สัปดาห์ และทำให้มีต้นทุนค่าขนส่งแพงขึ้น
ส่วนสถานการณ์การค้าชายแดนระหว่างไทยกับเมียนมานั้น ไทยยังได้รับผลกระทบไม่มาก เนื่องจากการขนส่งสินค้าผ่านแดนยังทำได้ปกติ ดังนั้น เป็นเรื่องภายในประเทศเมียนมาที่ต้องบริหารจัดการ โดยเฉพาะสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมือง อีกทั้งการค้าชายแดนที่สำคัญของไทยคือมาเลเซีย รองลงไปคือเมียนมา ซึ่งมีสัดส่วนตลาดเพียง 10% และสินค้าที่ส่งออกไปส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค จึงยังไม่กระทบส่งออกไทย แต่ระยะยาว หากการเมืองยังไม่นิ่ง อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเมียนมา และจะกระทบต่อเนื่องถึงการค้าการลงทุนกระหว่างไทย-เมียนในอนาคตได้
อย่างไรก็ตาม หอการค้าไทยยังตั้งเป้าการส่งออกไทยปี 2564 ไว้ที่ร้อยละ 4.5 ส่วนเศรษฐกิจไทยขยายตัวในกรอบ ร้อยละ 3-3.5
ส่วนสถานการณ์การค้าชายแดนระหว่างไทยกับเมียนมานั้น ไทยยังได้รับผลกระทบไม่มาก เนื่องจากการขนส่งสินค้าผ่านแดนยังทำได้ปกติ ดังนั้น เป็นเรื่องภายในประเทศเมียนมาที่ต้องบริหารจัดการ โดยเฉพาะสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมือง อีกทั้งการค้าชายแดนที่สำคัญของไทยคือมาเลเซีย รองลงไปคือเมียนมา ซึ่งมีสัดส่วนตลาดเพียง 10% และสินค้าที่ส่งออกไปส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค จึงยังไม่กระทบส่งออกไทย แต่ระยะยาว หากการเมืองยังไม่นิ่ง อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเมียนมา และจะกระทบต่อเนื่องถึงการค้าการลงทุนกระหว่างไทย-เมียนในอนาคตได้
อย่างไรก็ตาม หอการค้าไทยยังตั้งเป้าการส่งออกไทยปี 2564 ไว้ที่ร้อยละ 4.5 ส่วนเศรษฐกิจไทยขยายตัวในกรอบ ร้อยละ 3-3.5