นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดกาญจนบุรี ออกคำสั่งเรื่อง มาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีคำสั่งให้ปิดโรงแรม และรีสอร์ท รวมถึงสถานที่ที่มีลักษณะคล้ายกัน ยกเว้น โรงแรม และรีสอร์ท ที่เปิดเป็นสำนักงานที่ช่วยเหลือผู้ถูกคัดกรองโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) หรือสถานที่พักเพื่อกักกันไว้สังเกตอาการ (Local Quarantine) หรือใช้เพื่อประโยชน์อื่นใดในทางราชการในการแก้ไขปัญหาตามมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19)
โดยมีมาตรการผ่อนผันให้ผู้ประกอบการที่มีผู้มาพักแรม หรือเช่าที่พักโดยต่อเนื่องระยะยาวให้ดำเนินการต่อไป ตามควรแก่การระงับการสูญเสียของกิจการ จนกว่าผู้เข้าพักจะแจ้งออกจากห้องพักจนหมด แล้วให้ปิดในทันที โดยไม่มีการรับผู้เข้าพักเพิ่มอีก นอกจากนี้ เพื่อประโยชน์ในการตรวจคัดกรองโรค ให้โรงแรมที่ยังมีนักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางเข้าพักอยู่ต้องแจ้งจำนวน และรายชื่อผู้เข้าพักให้อำเภอทราบ เพื่อตรวจคัดกรอง ผู้เข้าพักทุกคน โดยให้มีการปฏิบัติตามมาตรการและข้อปฏิบัติด้านสุขอนามัยในเรื่องการคัดกรองผู้ติดเชื้อ การล้างมือ การสวมหน้ากากอนามัย หรือหลักการของ Social Distancing ที่ชัดเจน ทั้งนี้ หากผู้เข้าพักคนใด มีอาการเข้าข่ายที่ต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) จะต้องถูกส่งไปแยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกตอาการยังสถานที่ที่จังหวัดกำหนด (Local Quarantine)
ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ โดยไม่มีเหตุอันสมควรจะมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
โดยมีมาตรการผ่อนผันให้ผู้ประกอบการที่มีผู้มาพักแรม หรือเช่าที่พักโดยต่อเนื่องระยะยาวให้ดำเนินการต่อไป ตามควรแก่การระงับการสูญเสียของกิจการ จนกว่าผู้เข้าพักจะแจ้งออกจากห้องพักจนหมด แล้วให้ปิดในทันที โดยไม่มีการรับผู้เข้าพักเพิ่มอีก นอกจากนี้ เพื่อประโยชน์ในการตรวจคัดกรองโรค ให้โรงแรมที่ยังมีนักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางเข้าพักอยู่ต้องแจ้งจำนวน และรายชื่อผู้เข้าพักให้อำเภอทราบ เพื่อตรวจคัดกรอง ผู้เข้าพักทุกคน โดยให้มีการปฏิบัติตามมาตรการและข้อปฏิบัติด้านสุขอนามัยในเรื่องการคัดกรองผู้ติดเชื้อ การล้างมือ การสวมหน้ากากอนามัย หรือหลักการของ Social Distancing ที่ชัดเจน ทั้งนี้ หากผู้เข้าพักคนใด มีอาการเข้าข่ายที่ต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) จะต้องถูกส่งไปแยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกตอาการยังสถานที่ที่จังหวัดกำหนด (Local Quarantine)
ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ โดยไม่มีเหตุอันสมควรจะมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง