น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรือเงินเฟ้อ เดือนธันวาคม 2563 เทียบกับเดือนเดียวกัน ปีก่อน ลดลงร้อยละ 0.27 ติดลบน้อยลงเป็นเดือนที่สาม ดีขึ้นจากเดือนก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มอาหารสด ความต้องการสูง รวมถึงราคาสุกร ความต้องการบริโภคในตลาดต่างประเทศยังต้องการเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคากลุ่มพลังงานลดลง ไม่ได้ขึ้นหรือลงมากนัก ส่วนสินค้าอุปโภค-บริโภคอื่นๆ ยังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับปริมาณสินค้า ความต้องการ แต่สินค้าโดยรวมไม่ได้มีการปรับขึ้นไปมาก มีเพียงผักสดขึ้นเล็กน้อยตามฤดูกาล ถือว่าไม่ผิดปกติแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เหตุผลหลักที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อยังติดลบต่อเนื่อง แต่น้อยลงเป็นเดือนที่สาม มีปัจจัยมาจากปัญหาความกังวลเกี่ยวกับโควิด-19 แต่ขณะนี้ความกังวลดังกล่าวเริ่มมีมากขึ้นจากการระบาดนรอบใหม่ ซึ่งน่าจะส่งผลในเดือนถัดไป และคงต้องติดตามผลกระทบในด้านต่างๆ ที่จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสแรกปี 2564 ติดลบ และจะเป็นบวกในไตรมาสที่เหลือได้ แม้ว่าจะเกิดโควิด-19 รอบใหม่ แต่ขณะนี้ไม่มีการกักตุนสินค้า ราคาสินค้าไม่สูง จึงทำให้ราคาสินค้าและบริการไม่ได้มีการฉวยโอกาสปรับราคาสูงขึ้นไปมากแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม สนค.คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 2564 ยังมองว่าเงินเฟ้อจะเป็นบวกเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2-1.7 โดยมีค่ากลางอยู่ที่ร้อยละ 0.7 ซึ่งมีปัจจัยจีดีพีของประเทศติดบวกร้อยละ 3.5-4.5 อัตราแลกเปลี่ยน 30.0-32.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 40-50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้จะยังมีปัจจัยลบ ได้แก่ ความกังวลการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ แต่ก็เชื่อว่าหลายฝ่ายทั่วโลกกำลังรอข่าวดีวัคซีนที่จะใช้ป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดโควิดได้ในปี 64 จึงเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจโลกจะกลับมาดีขึ้นได้