xs
xsm
sm
md
lg

“หมอธีระ”แนะรัฐเร่งตรวจกลุ่มเสี่ยง-รายงานไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อโควิดให้ ปชช.ได้ทราบ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ผ่านเฟซบุ๊ก “Thira Woratanarat” ระบุว่า ระบุว่า สถานการณ์ทั่วโลก 28 ธันวาคม 2563

แอฟริกาใต้ทะลุล้านคนเป็นประเทศที่ 18 ของโลกไปแล้ว เนเธอร์แลนด์จะเป็นประเทศที่ 19 ภายในเดือนหน้าหากไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคได้

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 418,268 คน รวมแล้วตอนนี้ 81,068,815 คน ตายเพิ่มอีก 6,642 คน ยอดตายรวม 1,770,618 คน

อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 162,492 คน รวม 19,542,483 คน ตายเพิ่มอีกถึง 1,262 คน ยอดตายรวม 340,592 คน

อินเดีย ติดเพิ่ม 20,333 คน รวม 10,208,725 คน

บราซิล ติดเพิ่มถึง 18,479 คน รวม 7,484,285 คน

รัสเซีย ติดเพิ่ม 28,284 คน รวม 3,050,248 คน ทั้งนี้ด้วยประชากรถึง 144.5 ล้านคน อัตราการติดเชื้อเช่นนี้น่าเป็นห่วง เนื่องจากมีโอกาสแพร่ระบาดยาวนานต่อเนื่องแม้จะมีการนำวัคซีนมาทยอยฉีดไปในช่วงเวลาที่ผ่านมาก็อาจยังเห็นผลได้ยากในด้านการควบคุมโรค มาตรการป้องกันส่วนบุคคลจำเป็นต้องเคร่งครัดมาก และการระงับการเดินทางและการพบปะกันถือว่าจำเป็นสำหรับสถานการณ์เช่นนี้

ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 8,822 คน รวม 2,559,686 คน

อันดับ 6-10 เป็น ตุรกี สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักหมื่นต่อวัน

ฝั่งอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลายหมื่น

แถบสแกนดิเนเวีย รอบทะเลบอลติก และแถบยูเรเชีย ก็ยังมีติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

เมียนมาร์ และเกาหลีใต้ ติดเพิ่มหลายร้อยถึงเฉียดพัน ส่วนจีน ฮ่องกง นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่สิงคโปร์ เวียดนาม และกัมพูชา ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

สถานการณ์ในเมียนมาร์ เมื่อวานติดเพิ่มขึ้นอีก 606 คน ตายเพิ่มอีก 22 คน ตอนนี้ยอดรวม 121,886 คน ตายไป 2,601 คน อัตราตายตอนนี้ 2.1%

ช่วงคริสตมาสต่อปีใหม่ ยอดการติดเชื้อใหม่ของทั่วโลกจะดูลดลง เพราะหลายประเทศไม่ได้รายงาน เพราะเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดของเค้า ทั้งนี้คาดว่าสถานการณ์ติดเชื้อจริงนั้นสูงกว่าตัวเลขที่มีพอสมควร

มองสถานการณ์โลก และสถานการณ์ไทยเรา คล้ายกัน

ระบาดซ้ำของไทยเราตอนนี้หนักหนาสาหัส มาตรการที่ทำอยู่นั้นไม่เพียงพอที่จะยับยั้งการระบาดได้

การติดเชื้อไม่ได้มีเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงอย่างที่เห็นในระลอกแรกอีกต่อไป เพราะตอนนี้กระจายไปทั่ว ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของทุกคนมีความเสี่ยงที่จะมีโอกาสรับและแพร่เชื้อได้โดยไม่รู้ตัว

ระบบการตรวจคัดกรองก็มีศักยภาพไม่เพียงพอที่จะรองรับความต้องการจำเป็นของประชาชน

ระบบการติดตามสอบสวนโรคนั้นแม้จะทำกันอย่างเต็มกำลังก็ไม่เพียงพอที่จะรองรับสถานการณ์ระบาดซ้ำที่เร็ว แรง กระจายไปทั่ว จำนวนมากเช่นนี้ได้ สอดคล้องกับหลายประเทศที่เคยออกมาแชร์บทเรียนให้โลกทราบว่าไม่สามารถรับมือได้จริงๆ เช่น สหราชอาณาจักร ฯลฯ ไม่ว่าจะเตรียมไว้กี่ทีม ก็ไม่มีทางเพียงพอ ด้วยสัจธรรมที่ว่า คนติดเชื้อหนึ่งคนนั้นจะมีประวัติการสัมผัสและพบปะผู้คนจำนวนมากถึงหลักร้อยหลักพัน พอมีการระบาดซ้ำ จะมีคนติดเชื้อจำนวนมากหลักร้อยหลักพันหรือมากกว่านั้นในเวลาเดียวกัน การสอบสวนโรคจึงไม่มีทางจะรองรับได้

นี่จึงเป็นสิ่งย้ำเตือนว่า "โรคระบาดรุนแรงเช่นนี้ ต้องมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการป้องกันโรคเป็นหลัก"

สิ่งที่ประชาชนจำเป็นต้องทำคือ การป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อหรือไม่ให้แพร่เชื้อแก่คนอื่นด้วยการใส่หน้ากาก 100%, การอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ครั้งที่สอง/ครั้งใหม่/ซ้ำอีกครั้ง, และการสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบายให้รีบไปตรวจ

สิ่งที่รัฐและ ศบค.ต้องทำคือ เร่งตรวจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้, รายงานรายละเอียดข้อมูลไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในทุกพื้นที่ให้ประชาชนได้ทราบเพื่อประเมินความเสี่ยงของตนเองและไปรับการตรวจ, ยุติการโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณว่าระบบสาธารณสุขจะเอาอยู่, ลดละเลี่ยงการโปรโมทการท่องเที่ยวในช่วงระบาดรุนแรงเช่นนี้ พร้อมกับเตือนคนเดินทางท่องเที่ยวให้ท่องเที่ยวอย่างระมัดระวัง (Travel with caution), ประกาศปิดกิจการเสี่ยงต่างๆ และกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันของคนหมู่มากทั่วประเทศ

นี่คือช่วงเวลาวิกฤติมาก เวลาทองในการคุมการระบาดมีแค่ถึงกลางมกราคม

จำเป็นต้องตัดสินใจช่วยกัน"จำศีล"

ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น พร้อมหน้ากาก 100%

ด้วยรักต่อทุกคน