รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า
สถานการณ์ทั่วโลก 14 ธันวาคม 2563
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 523,795 คน รวมแล้วตอนนี้ 72,570,461 คน ตายเพิ่มอีก 7,366 คน ยอดตายรวม 1,617,808 คน
อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 173,570 คน รวม 16,690,145 คน ตายเพิ่มอีก 1,187 คน ยอดตายรวม 306,060 คน
อินเดีย ติดเพิ่ม 30,508 คน รวม 9,884,716 คน
บราซิล ติดเพิ่ม 21,825 คน รวม 6,901,952 คน
รัสเซีย ติดเพิ่มอีก 28,080 คน รวม 2,653,928 คน
ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 11,533 คน รวม 2,376,852 คน
อันดับ 6-10 ตอนนี้เป็นสหราชอาณาจักร อิตาลี ตุรกี สเปน และอาร์เจนตินา ส่วนใหญ่ติดกันหลายพันถึงหลักหมื่นต่อวัน เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย เมียนมา และเกาหลีใต้ ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลายหมื่น
แถบสแกนดิเนเวีย รอบทะเลบอลติก และแถบยูเรเชีย ยังไม่ดีขึ้น ติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เดนมาร์ก มียอดรวมแซงเมียนมาไปแล้ว ระลอกสองของเขามีจำนวนติดเชื้อสูงสุดต่อวันมากกว่าระลอกแรกเกือบ 10 เท่า ศึกนี้ยาวเลยปีใหม่แน่นอน คงต้องเอาใจช่วยให้คุมได้โดยเร็ว
ที่น่าติดตามคือการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นนี้จะมีสายพันธุ์ต่างจากที่ระบาดทั่วโลกหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้มีเรื่องการกลายพันธุ์ของไวรัสในตัวมิงค์ในแถบภาคเหนือของประเทศ
จีน และฮ่องกง ติดเพิ่มหลักสิบถึงเฉียดร้อย ในขณะที่สิงคโปร์ เวียดนาม ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และกัมพูชา ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
สถานการณ์ในเมียนมา เมื่อวานติดเพิ่มขึ้นอีก 1,127 คน ตายเพิ่มอีก 23 คน ตอนนี้ยอดรวม 108,342 คน ตายไป 2,268 คน อัตราตายตอนนี้ 2.1%
ตอนนี้ภาพรวมทั่วโลกน่าเป็นห่วงมากขึ้น เมื่อวานเยอรมนีประกาศล็อกดาวน์ทั้งประเทศ เพราะคุมโรคด้วยมาตรการเดิมๆ ไม่ได้ผล จำนวนการเสียชีวิตสูงขึ้นเกินกว่าจะยอมรับได้ ส่วนแคนาดานั้นกำลังเผชิญกับระลอกสองที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ยอดติดเชื้อสูงสุดต่อวันมากกว่าระลอกแรก 3 เท่า
ในขณะที่แอฟริกาใต้ หากเราจำกันได้ ระลอกแรกนั้นสาหัสมากจนติดอันดับท็อปเท็นของโลก ปัจจุบันอยู่อันดับ 18 แต่ตอนนี้กำลังเผชิญการระบาดซ้ำระลอกสอง ยอดติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่องมาราว 5-6 สัปดาห์แล้ว มีโอกาสรุนแรงขึ้นอีก
และหากจำกันได้ เคยวิเคราะห์การระบาดซ้ำใน 75 ประเทศทั่วโลก มีน้อยมากที่การระบาดซ้ำจะรุนแรงน้อยกว่าเดิม เช่น เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ และไอร์แลนด์ แต่ล่าสุดเกาหลีใต้ระบาดระลอกสาม จำนวนการติดเชื้อสูงสุดต่อวันได้สูงกว่าระลอกแรกและระลอกที่สองไปแล้ว ศึกนี้หนักหนา
มายาคติที่เผยแพร่กันผ่านทางโซเชียลมีมากมาย ทั้งไวรัสกระจอก ก็แค่หวัดธรรมดา อัตราตายนิดเดียวกลัวอะไร กรูเอาอยู่ ยังไงก็ไม่มีทางล็อกดาวน์อีก ฯลฯ
ขอเตือนดังๆ ว่า อัตราตายมีตั้งแต่น้อยไปถึงมาก แต่ไวรัสโรค COVID-19 นี้ถือเป็นโรคระบาดครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลกในรอบ 102 ปี เพราะมันแพร่ง่ายกว่าไข้หวัดใหญ่ ดังนั้นหากป้องกันไม่เข้มแข็ง เกิดระบาดซ้ำขึ้นมา จึงไม่มีประเทศไหนที่จะเอาอยู่ การระบาดจะกระจายไปเร็ว หาต้นตอไม่ได้ คุมยาก ยอดติดเชื้อสูงสุดต่อวันจะสูงขึ้นไปกว่าเดิมราว 5 เท่า ใช้เวลาคุมนานกว่าเดิม 2 เท่า
ดังนั้น การไปเที่ยวไหนต่อไหน หรือการไปกิจกรรมสังสรรค์ เฮฮาปาร์ตี้ ฟังดนตรี เต้นระบำ หรืออะไรก็ตามแต่ ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ป้องกันตัวเสมอ รู้กันอยู่ว่าการใส่หน้ากาก ล้างมือ อยู่ห่างๆ กันนั้นมันผิดวิสัยการรื่นเริง แต่ควรยอมรับความจริงว่า สถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ว่าจะที่ไทย หรือที่ใดในโลกนั้นมันไม่ปกติ ยังมีการระบาดรุนแรง มีโอกาสระบาดซ้ำ
งานรื่นเริงทั้งหลาย จึงไม่ควรเป็นงานรื่นเริงแบบปกติในอดีตแบบที่คุ้นชินกัน
หากคนจัดงาน และผู้เข้าร่วมงาน มีความประมาท หวังจะรื่นเริงปกติแบบที่เป็นมา ก็ยากนักที่จะรอดพ้นการระบาดซ้ำ
ติดเชื้อขึ้นมา ไม่ใช่แค่ตัวเองจะป่วย ตาย หรือหายแล้วมีอาการเรื้อรังต่อไปเรื่อยๆ แต่ยังทำให้เกิดผลกระทบต่อคนใกล้ชิด พ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายายลูกหลาน รวมถึงเพื่อนฝูง และคนอื่นในสังคมวงกว้าง
รักตัวเองให้ถูกทาง ไม่ควรปรนเปรอตัวเองด้วยกิเลส อยากอิสระ อยากสบาย แต่นำไปสู่หนทางแห่งความตายของคนหมู่มากเลยนะครับ
ด้วยรักต่อทุกคน
สถานการณ์ทั่วโลก 14 ธันวาคม 2563
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 523,795 คน รวมแล้วตอนนี้ 72,570,461 คน ตายเพิ่มอีก 7,366 คน ยอดตายรวม 1,617,808 คน
อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 173,570 คน รวม 16,690,145 คน ตายเพิ่มอีก 1,187 คน ยอดตายรวม 306,060 คน
อินเดีย ติดเพิ่ม 30,508 คน รวม 9,884,716 คน
บราซิล ติดเพิ่ม 21,825 คน รวม 6,901,952 คน
รัสเซีย ติดเพิ่มอีก 28,080 คน รวม 2,653,928 คน
ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 11,533 คน รวม 2,376,852 คน
อันดับ 6-10 ตอนนี้เป็นสหราชอาณาจักร อิตาลี ตุรกี สเปน และอาร์เจนตินา ส่วนใหญ่ติดกันหลายพันถึงหลักหมื่นต่อวัน เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย เมียนมา และเกาหลีใต้ ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลายหมื่น
แถบสแกนดิเนเวีย รอบทะเลบอลติก และแถบยูเรเชีย ยังไม่ดีขึ้น ติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เดนมาร์ก มียอดรวมแซงเมียนมาไปแล้ว ระลอกสองของเขามีจำนวนติดเชื้อสูงสุดต่อวันมากกว่าระลอกแรกเกือบ 10 เท่า ศึกนี้ยาวเลยปีใหม่แน่นอน คงต้องเอาใจช่วยให้คุมได้โดยเร็ว
ที่น่าติดตามคือการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นนี้จะมีสายพันธุ์ต่างจากที่ระบาดทั่วโลกหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้มีเรื่องการกลายพันธุ์ของไวรัสในตัวมิงค์ในแถบภาคเหนือของประเทศ
จีน และฮ่องกง ติดเพิ่มหลักสิบถึงเฉียดร้อย ในขณะที่สิงคโปร์ เวียดนาม ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และกัมพูชา ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
สถานการณ์ในเมียนมา เมื่อวานติดเพิ่มขึ้นอีก 1,127 คน ตายเพิ่มอีก 23 คน ตอนนี้ยอดรวม 108,342 คน ตายไป 2,268 คน อัตราตายตอนนี้ 2.1%
ตอนนี้ภาพรวมทั่วโลกน่าเป็นห่วงมากขึ้น เมื่อวานเยอรมนีประกาศล็อกดาวน์ทั้งประเทศ เพราะคุมโรคด้วยมาตรการเดิมๆ ไม่ได้ผล จำนวนการเสียชีวิตสูงขึ้นเกินกว่าจะยอมรับได้ ส่วนแคนาดานั้นกำลังเผชิญกับระลอกสองที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ยอดติดเชื้อสูงสุดต่อวันมากกว่าระลอกแรก 3 เท่า
ในขณะที่แอฟริกาใต้ หากเราจำกันได้ ระลอกแรกนั้นสาหัสมากจนติดอันดับท็อปเท็นของโลก ปัจจุบันอยู่อันดับ 18 แต่ตอนนี้กำลังเผชิญการระบาดซ้ำระลอกสอง ยอดติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่องมาราว 5-6 สัปดาห์แล้ว มีโอกาสรุนแรงขึ้นอีก
และหากจำกันได้ เคยวิเคราะห์การระบาดซ้ำใน 75 ประเทศทั่วโลก มีน้อยมากที่การระบาดซ้ำจะรุนแรงน้อยกว่าเดิม เช่น เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ และไอร์แลนด์ แต่ล่าสุดเกาหลีใต้ระบาดระลอกสาม จำนวนการติดเชื้อสูงสุดต่อวันได้สูงกว่าระลอกแรกและระลอกที่สองไปแล้ว ศึกนี้หนักหนา
มายาคติที่เผยแพร่กันผ่านทางโซเชียลมีมากมาย ทั้งไวรัสกระจอก ก็แค่หวัดธรรมดา อัตราตายนิดเดียวกลัวอะไร กรูเอาอยู่ ยังไงก็ไม่มีทางล็อกดาวน์อีก ฯลฯ
ขอเตือนดังๆ ว่า อัตราตายมีตั้งแต่น้อยไปถึงมาก แต่ไวรัสโรค COVID-19 นี้ถือเป็นโรคระบาดครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลกในรอบ 102 ปี เพราะมันแพร่ง่ายกว่าไข้หวัดใหญ่ ดังนั้นหากป้องกันไม่เข้มแข็ง เกิดระบาดซ้ำขึ้นมา จึงไม่มีประเทศไหนที่จะเอาอยู่ การระบาดจะกระจายไปเร็ว หาต้นตอไม่ได้ คุมยาก ยอดติดเชื้อสูงสุดต่อวันจะสูงขึ้นไปกว่าเดิมราว 5 เท่า ใช้เวลาคุมนานกว่าเดิม 2 เท่า
ดังนั้น การไปเที่ยวไหนต่อไหน หรือการไปกิจกรรมสังสรรค์ เฮฮาปาร์ตี้ ฟังดนตรี เต้นระบำ หรืออะไรก็ตามแต่ ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ป้องกันตัวเสมอ รู้กันอยู่ว่าการใส่หน้ากาก ล้างมือ อยู่ห่างๆ กันนั้นมันผิดวิสัยการรื่นเริง แต่ควรยอมรับความจริงว่า สถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ว่าจะที่ไทย หรือที่ใดในโลกนั้นมันไม่ปกติ ยังมีการระบาดรุนแรง มีโอกาสระบาดซ้ำ
งานรื่นเริงทั้งหลาย จึงไม่ควรเป็นงานรื่นเริงแบบปกติในอดีตแบบที่คุ้นชินกัน
หากคนจัดงาน และผู้เข้าร่วมงาน มีความประมาท หวังจะรื่นเริงปกติแบบที่เป็นมา ก็ยากนักที่จะรอดพ้นการระบาดซ้ำ
ติดเชื้อขึ้นมา ไม่ใช่แค่ตัวเองจะป่วย ตาย หรือหายแล้วมีอาการเรื้อรังต่อไปเรื่อยๆ แต่ยังทำให้เกิดผลกระทบต่อคนใกล้ชิด พ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายายลูกหลาน รวมถึงเพื่อนฝูง และคนอื่นในสังคมวงกว้าง
รักตัวเองให้ถูกทาง ไม่ควรปรนเปรอตัวเองด้วยกิเลส อยากอิสระ อยากสบาย แต่นำไปสู่หนทางแห่งความตายของคนหมู่มากเลยนะครับ
ด้วยรักต่อทุกคน