xs
xsm
sm
md
lg

ส.อ.ท.จัดทำคู่มือป้องกันการระบาดโควิด แยก 8 กลุ่มอุตสาหกรรม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการระบาดโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ ประชาชน และอุตสาหกรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส.อ.ท.จึงเตรียมความพร้อมรับมือสำหรับภาคอุตสาหกรรม โดยจัดทำคู่มือป้องกันการระบาดโควิด-19 สำหรับภาคอุตสาหกรรม แบ่งตามลักษณะของอุตสาหกรรม 8 กลุ่ม ได้แก่

- อุตสาหกรรมอาหาร วัตถุดิบเกษตร จักรกล และอุตสาหกรรมทั่วไป
- อุตสาหกรรมยา สมุนไพร เครื่องมือแพทย์ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ ผลิตภัณฑ์ยาง
- อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม สิ่งทอ เส้นใยประดิษฐ์
- อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ พลาสติก แก้วและกระจก เยื่อและกระดาษ อลูมิเนียม การพิมพ์
- อุตสาหกรรมผู้ผลิตไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ก๊าซ พลังงานหมุนเวียน
- อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ
- อุตสาหกรรมขนส่งและลอจิสติกส์
- อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างและผู้รับเหมา เพื่อให้นายจ้างและผู้ประกอบการวางแผนเตรียมการป้องกัน และส่งเสริมการปฏิบัติที่ดีในการลดการติดต่อของโรค ป้องกันไม่ให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มและสามารถจัดการผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างถูกต้อง

ขณะที่นางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า คณะอนุกรรมการป้องกันการระบาดโควิด-19 ภายใต้ ส.อ.ท.ร่วมกับกรมควบคุมโรค จัดทำแนวปฏิบัติในการป้องกันโควิด-19 ในการทำงานสำหรับภาคอุตสาหกรรม โดยอิงหลักการของ The Occupational Safety and Health Administration (OSHA) และ International Labour Organization (ILO) ซึ่งมีมาตรการขั้นพื้นฐานในการป้องกันการติดเชื้อแบบดั้งเดิม และสุขศาสตร์อุตสาหกรรม รวมทั้งมุ่งเน้นมาตรการป้องกันการระบาดของเชื้อโรค ได้แก่ มาตรการสาธารณสุข การส่งเสริมอนามัยส่วนบุคคล การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ การเว้นระยะห่างทางสังคม อาทิ การจัดการเชิงพื้นที่ การเหลื่อมเวลาทำงาน และการจัดระบบ Work From Home เป็นต้น ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ สามารถนำแนวทางปฏิบัติพื้นฐานไปปรับใช้ได้ทันที

ประธาน ส.อ.ท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนในการใช้แพลตฟอร์ม "ไทยชนะ" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับ Digital Tracking ภาคบังคับ ในการเข้าสู่สถานที่ต่างๆ และใช้แอปพลิเคชัน "หมอชนะ" ที่เป็น Digital Tracking Application ภาคสมัครใจ ในการติดตามตัวบุคคลและผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ