นายวัฒนา เมืองสุข อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย โพสต์วันนี้ (7 ธ.ค.) ผ่านเฟซบุ๊ก Watana Muangsook ว่า หลังจากยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และมีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ถึงสาเหตุการลาออกนั้น ขอชี้แจงเพื่อความเข้าใจร่วมกัน ดังนี้
(1) หลายฝ่ายวิจารณ์ว่าการลาออกมาจากความขัดแย้งนั้น ผมยอมรับว่าความขัดแย้งในพรรคมีอยู่จริง แต่เป็นความขัดแย้งในเชิงความคิดและวิธีการนำพรรคไปสู่เป้าหมายทางการเมืองที่ไม่ตรงกัน แต่ไม่ใช่ความขัดแย้งจากการแย่งอำนาจบริหาร เพราะพวกผมลาออกจากการเป็นคณะกรรมการยุทธศาสตร์มาก่อนแล้ว
(2) ส่วนที่หลายฝ่ายวิจารณ์ว่าลาออกมาตั้งพรรคสาขาเหมือนไทยรักษาชาตินั้น ขอให้ความรู้เป็นวิทยาทานว่า ขณะนี้รัฐสภาเห็นชอบให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบ สสร. อันจะทำให้รูปแบบการเลือกตั้งเดิมที่ถูกออกแบบมาให้ประยุทธ์สืบทอดอำนาจต้องจบลง จึงไม่มีเหตุผลที่พวกผมที่เป็นผู้เสนอแนวคิดการตั้ง สสร. จะไร้เดียงสาขนาดลาออกมาตั้งพรรคเพื่อแตกแบ๊งค์ย่อยรองรับรัฐธรรมนูญที่กำลังจะสิ้นผล รวมทั้งไม่ได้ลาออกมาเพื่อจะไปร่วมงานกับพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น
(3) บริบททางการเมืองหลังยุค คสช. สังคมไทยมีความขัดแย้งทางความคิดมากมาย รูปแบบการเมืองจึงไม่ได้ต่อสู้กันเพียงเผด็จการกับฝ่ายประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ยังจำแนกออกเป็นฝ่ายราชานิยม อำนาจนิยม จนถึงแนวคิดสุดโต่งแบบสาธารณรัฐ ส่วนผมเชื่อมั่นในแนวคิดเสรีนิยมประชาธิปไตยแบบราชอาณาจักร ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นความต้องการของคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้
(4) ดังนั้น สิ่งที่ผมอยากเห็นคือพรรคการเมืองที่มีความเป็นมืออาชีพ เป็นสถาบันทางการเมืองที่เป็นกลไกแสวงหาหาทางออกให้กับสังคม (Solution Provider) เพื่อนำผู้คนออกจากความขัดแย้งไปสู่ปลายทางคือการกินดีอยู่ดีของประชาชนโดยมีกลไกคือประชาธิปไตยบนหลักนิติธรรม ไม่เอากับเผด็จการทุกรูปแบบ และต้องไม่เป็นพรรคการเมืองที่นำประชาชนไปสู่ความขัดแย้งเสียเอง
(1) หลายฝ่ายวิจารณ์ว่าการลาออกมาจากความขัดแย้งนั้น ผมยอมรับว่าความขัดแย้งในพรรคมีอยู่จริง แต่เป็นความขัดแย้งในเชิงความคิดและวิธีการนำพรรคไปสู่เป้าหมายทางการเมืองที่ไม่ตรงกัน แต่ไม่ใช่ความขัดแย้งจากการแย่งอำนาจบริหาร เพราะพวกผมลาออกจากการเป็นคณะกรรมการยุทธศาสตร์มาก่อนแล้ว
(2) ส่วนที่หลายฝ่ายวิจารณ์ว่าลาออกมาตั้งพรรคสาขาเหมือนไทยรักษาชาตินั้น ขอให้ความรู้เป็นวิทยาทานว่า ขณะนี้รัฐสภาเห็นชอบให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบ สสร. อันจะทำให้รูปแบบการเลือกตั้งเดิมที่ถูกออกแบบมาให้ประยุทธ์สืบทอดอำนาจต้องจบลง จึงไม่มีเหตุผลที่พวกผมที่เป็นผู้เสนอแนวคิดการตั้ง สสร. จะไร้เดียงสาขนาดลาออกมาตั้งพรรคเพื่อแตกแบ๊งค์ย่อยรองรับรัฐธรรมนูญที่กำลังจะสิ้นผล รวมทั้งไม่ได้ลาออกมาเพื่อจะไปร่วมงานกับพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น
(3) บริบททางการเมืองหลังยุค คสช. สังคมไทยมีความขัดแย้งทางความคิดมากมาย รูปแบบการเมืองจึงไม่ได้ต่อสู้กันเพียงเผด็จการกับฝ่ายประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ยังจำแนกออกเป็นฝ่ายราชานิยม อำนาจนิยม จนถึงแนวคิดสุดโต่งแบบสาธารณรัฐ ส่วนผมเชื่อมั่นในแนวคิดเสรีนิยมประชาธิปไตยแบบราชอาณาจักร ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นความต้องการของคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้
(4) ดังนั้น สิ่งที่ผมอยากเห็นคือพรรคการเมืองที่มีความเป็นมืออาชีพ เป็นสถาบันทางการเมืองที่เป็นกลไกแสวงหาหาทางออกให้กับสังคม (Solution Provider) เพื่อนำผู้คนออกจากความขัดแย้งไปสู่ปลายทางคือการกินดีอยู่ดีของประชาชนโดยมีกลไกคือประชาธิปไตยบนหลักนิติธรรม ไม่เอากับเผด็จการทุกรูปแบบ และต้องไม่เป็นพรรคการเมืองที่นำประชาชนไปสู่ความขัดแย้งเสียเอง