สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกแถลงการณ์เรื่อง ประณามสถานการณ์การชุมนุม และหยุดเพิกเฉยต่อเสียงประชาชน ระบุว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์การชุมนุมในวันที่ 17 พ.ย. ได้ปรากฏความรุนแรงจากกลุ่มผู้ชุมนุมอีกฝั่ง จนบานปลายไปสู่สถานการณ์รุนแรงที่มีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ ทั้งรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ซึ่งเสนอโดยโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ ได้ถูกปัดตกในที่ประชุมรัฐสภา สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความเห็นต่อกรณีดังกล่าวดังนี้
ประการแรก สภานักศึกษา มีความกังขาต่อการปฏิบัติภารกิจแบบสองมาตรฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เห็นได้จากเจ้าหน้าที่ ให้ความร่วมมือและดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งเป็นอย่างดี แต่กลับปฏิบัติต่างกันกับผู้ชุมนุมอีกกลุ่มหนึ่ง ทั้งยังปรากฏว่า มีการใช้ความรุนแรงจากกลุ่มผู้ชุมนุมหนึ่งใส่อีกกลุ่ม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่แสดงท่าทีใส่ใจเท่าที่ควร
ประการต่อมา การปราบปรามผู้ชุมนุมของเจ้าหน้าที่นั้น ปรากฏว่ามีการสารเคมีและกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุม อันเป็นการกระทำที่รุนแรง โดยเฉพาะกระสุนยางอันเป็นที่รับรู้ว่าสามารถสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของผู้ที่ถูกกระสุนได้อย่างสาหัส การที่เจ้าหน้าที่รัฐมุ่งใช้กระสุนยางเป็นอาวุธในการปราบปรามประชาชน จึงสะท้อนถึงท่าทีที่มองประชาชนเป็นศัตรูอย่างชัดเจน
ประการสุดท้าย การปฏิเสธร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ด้วยความเคารพ การกระทำของส.ส. และส.ว.บางคน นอกจากจะละเลยเพิกเฉยต่อเสียงของประชาชนที่ได้เข้าชื่อเสนอแก้ร่างรัฐธรมนูญร่วมแสนแล้ว ยังปราศจากเหตุผลและหลักการรองรับที่ชัดเจน ตลอดเวลาการอภิปราย ได้ปรากฏการป้ายสี มุ่งโจมตีองค์กรว่าเป็นเครื่องมือที่รับงินจากต่างชาติ โดยละเลยถึงหลักการและแก่นสารของการเข้าชื่เสนอร่างรัฐธรรมนูญของประชาชน สะท้อนถึงความเพิกเฉยและไร้วุฒิภาวะที่จะรับฟังข้อเสนอปฏิรูปของประชาชน ขณะนี้การต่อสู้เพื่อพิทักษ์สิทธิประชาชนของราษฎรยังไม่สิ้นสุดลง แต่ท่าทีของรัฐบาลในขณะนี้
นอกจากจะละเลยต่อปัญหา ยังสุมไฟให้ปัญหาเหล่านี้กองสูงและแก้ไขยากขึ้นไปอีก สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปลี่ยนท่าทีและรับฟังเสียงข้อเรียกร้องปฏิรูปของประชาชน เพื่อให้การแก้ปัญหาตามกลไกในรัฐธรรมนูญยังมีความเป็นไปได้ อย่าตอบโต้ประชาชนด้วยความรุนแรง อย่าเพิกเฉยต่อการปฏิรูปตามกลไกสภาและรัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง มิฉะนั้น การแก้ไขปัญหาตามระบบจะไม่อาจเกิดขึ้น และจะเป็นเงื่อนไขที่ผลักไสให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่ความขัดแย้งที่บานปลายต่อไป