เมื่อเวลา 19.37 น. ภายหลังแล้วเสร็จพิธีวางศิลาฤกษ์และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระดำเนินเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้า ฯ รับเสด็จ เพื่อแสดงความจงรักภักดี ที่ลานจอดเครื่องบินพระที่นั่งท่าอากาศยานทหาร กองบิน 23 จ.อุดรธานี อย่างใกล้ชิด ซึ่งพสกนิกรชาวจังหวัดอุดรธานีทั้ง 20 อำเภอ ต่างพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลือง และเสื้อสีส้ม ซึ่งเป็นสีประจำจังหวัด มาเฝ้าฯ รับเสด็จอย่างเนืองแน่น พร้อมโบกธงชาติ ธงพระปรมาภิไธย วปร. และธงพระนามาภิไธย สท. พร้อมเปล่งเสียงถวายพระพร "ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้อง อันเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติ เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน
ตลอดเส้นทางที่ทรงพระดำเนินผ่าน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงแย้มพระสรวลและมีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรอย่างใกล้ชิด ยังความปลื้มปีติแก่ราษฎรอย่างหาที่สุดมิได้ สมควรแก่เวลา จึงประทับเครื่องบินพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร
การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระอักษรด้านหลังพระบรมฉายาลักษณ์ ขอบใจชาวจังหวัดอุดรธานีผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ความว่า
"ขอบใจในความรักและกำลังใจ เราต่างรักกันห่วงกัน
ห่วงประเทศชาติ ช่วยกันรักษา บ้านเราด้วยความดี เพื่อความสุขและความเจริญ รักษาความวิเศษของความเป็นไทย"
ขณะที่พสกนิกรชาวจังหวัดอุดรธานีที่มาเฝ้า ฯ รับเสด็จต่างปลื้มปีติอย่างหาที่สุดมิได้ที่มีโอกาสมาเฝ้า ฯ รับเสด็จอย่างใกล้ชิด
นางเพ็ญประภา พึ่งตระกูล ครูโรงเรียนห้วยเกิ้งพิทยาคม อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ที่ในวันนี้ได้เดินทางมาพร้อมกับกลุ่มคนอุดรรักในหลวง กว่า 200 คน กล่าวว่า เธอและเพื่อนเดินทางมาจากอำเภอกุมภวาปี ตั้งแต่ 7 โมงเช้า เพื่อมารอเฝ้า ฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ซึ่งการได้มาเฝ้า ฯ รับเสด็จในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอได้มีโอกาสได้ชื่นชมพระบารมีของในหลวงอย่างใกล้ชิด นับเป็นความปลาบปลื้มใจอย่างหาที่สุดมิได้
"พอทราบว่าในหลวง และพระราชินี จะเสด็จ ฯ มาทรงประกอบพิธีเปิดอาคารที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี ก็ดีใจมากเพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยได้เฝ้า ฯ รับเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์มาก่อนเลย ครอบครัวเราและชาว จ.อุดรธานี รักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเต็มหัวใจ ติดตามข่าวในพระราชสำนักตั้งแต่ทีวีเป็นภาพขาวดำ เราเห็นพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงงานหนักเพื่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทยมาโดยตลอด ที่สำคัญน้องสาวเป็นผู้ดำเนินรายโทรทัศน์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเผยพระราชกรณียกิจ เราจึงภูมิใจ รักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และด้วยความที่เราเป็นคุณครู ทุกครั้งเราก็จะสอนให้ลูกศิษย์ทุกคนมีความจงรักภักดีต่อสถาบัน เพราะประเทศไทยจำเป็นต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจปวงพสกนิกรชาวไทยมาช้านาน"
ขณะที่ชาวบ้านชน 3 เผ่า ลาว ย้อ ภูไท จากอำเภอศรีธาตุ จ.อุดรธานี นางสาวบุญเยี่ยม พรหมศร ผู้ใหญ่บ้าน ต.ศรีธาตุ อ.ศรีธาตุ กล่าวว่า เธอและกลุ่มแม่บ้านชน 3 เผ่ารู้สึกซาบซึ้งและปลื้มปีติเป็นล้นพ้นที่ในหลวง และสมเด็จพระราชินี เสด็จ ฯ มาที่ จ.อุดรฯ พวกเธอทุกคนตื่นตั้งตี 4 เพื่อแต่งกายด้วยชุดประจำเผ่าของตัวเองเพื่อมาเฝ้า ฯ รับเสด็จด้วย เพราะต้องการแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีที่สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นสถาบันหลักที่นำพาความเจริญและความสงบร่มเย็นมาสู่ของประเทศชาติมาทุกยุคสมัย
"ภูมิใจที่สุดในชีวิตที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย และมีสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจ และเป็นที่ยึดเหนี่ยวให้แก่ปวงพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าเสมอมา เราพยายามสอนลูกสอนหลานทุกคนในหมู่บ้านให้มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะตั้งแต่เราเกิดมาลืมตาดูโลกเราก็เห็นพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงงานหนักเพื่อความอยู่ดีมีสุขของปวงประชามาโดยตลอด"
ในโอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้กองแพทย์หลวงมาดูแลสุขภาพประชาชนที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ และได้พระราชทานอาหารมื้อกลางวันและมื้อเย็นแก่พสกนิกรที่มาเฝ้า ฯ รับเสด็จ สร้างความปลาบปลื้ม ปีติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่ราษฎรในพื้นที่เป็นล้นพ้น