วันนี้ (10 พ.ย.) เมื่อเวลา 19.37 น. ภายหลังแล้วเสร็จพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระดำเนินเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าฯรับเสด็จฯ เพื่อแสดงความจงรักภักดี ที่ลานจอดเครื่องบินพระที่นั่ง ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 23 จ.อุดรธานี อย่างใกล้ชิด ซึ่งพสกนิกรชาวจังหวัดอุดรธานี ทั้ง 20 อำเภอ ต่างพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลือง และเสื้อสีส้ม ซึ่งเป็นสีประจำจังหวัด มาเฝ้าฯรับเสด็จฯอย่างเนืองแน่น พร้อมโบกธงชาติ ธงพระปรมาภิไธย วปร. และธงพระนามาภิไธย สท. พร้อมเปล่งเสียงถวายพระพร “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องอันเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี ที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน
ตลอดเส้นทางที่ทรงพระดำเนินผ่าน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงแย้มพระสรวลและมีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรอย่างใกล้ชิด ยังความปลื้มปีติแก่ราษฎรอย่างหาที่สุดมิได้ สมควรแก่เวลา จึงประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร
การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลงพระอักษรด้านหลังพระบรมฉายาลักษณ์ขอบใจชาวจังหวัดอุดรธานี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ความว่า
“ขอบใจในความรักและกำลังใจเราต่างรักกันห่วงกันห่วงประเทศชาติ ช่วยกันรักษา บ้านเราด้วยความดี เพื่อความสุขและความเจริญ รักษาความวิเศษของความเป็นไทย”
ขณะที่พสกนิกรชาวจังหวัดอุดรธานีที่มาเฝ้าฯรับเสด็จฯต่างปลื้มปีติอย่างหาที่สุดมิได้ที่มีโอกาสมาเฝ้าฯรับเสด็จฯอย่างใกล้ชิด
นางเพ็ญประภา พึ่งตระกูล ครูโรงเรียนห้วยเกิ้งพิทยาคม อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ที่ในวันนี้ได้เดินทางมาพร้อมกับกลุ่มคนอุดรรักในหลวง กว่า 200 คน กล่าวว่า เธอและเพื่อนเดินทางมาจากอำเภอกุมภวาปี ตั้งแต่ 7 โมงเช้า เพื่อมารอเฝ้าฯรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ซึ่งการได้มาเฝ้าฯรับเสด็จฯ ในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอได้มีโอกาสได้ชื่นชมพระบารมีของในหลวงอย่างใกล้ชิด นับเป็นความปลาบปลื้มใจอย่างหาที่สุดมิได้
“พอทราบว่า ในหลวง และ พระราชินี จะเสด็จฯมาทรงประกอบพิธีเปิดอาคารที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี ก็ดีใจมาก เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยได้เฝ้าฯรับเสด็จฯพระบรมวงศานุวงศ์มาก่อนเลย ครอบครัวเราและชาว จ.อุดรธานี รักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเต็มหัวใจ ติดตามข่าวในพระราชสำนัก ตั้งแต่ทีวีเป็นภาพขาวดำ เราเห็นพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงงานหนักเพื่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทยมาโดยตลอด ที่สำคัญ น้องสาวเป็นผู้ดำเนินรายโทรทัศน์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเผยพระราชกรณียกิจ เราจึงภูมิใจรักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และด้วยความที่เราเป็นคุณครู ทุกครั้งเราก็จะสอนให้ลูกศิษย์ทุกคนมีความจงรักภักดีต่อสถาบัน เพราะประเทศไทยจำเป็นต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจปวงพสกนิกรชาวไทยมาช้านาน”
ขณะที่ชาวบ้านชน 3 เผ่า ลาว ย้อ ภูไท จากอำเภอศรีธาตุ จ.อุดรธานี นางสาวบุญเยี่ยม พรหมศร ผู้ใหญ่บ้าน ต.ศรีธาตุ อ.ศรีธาตุ กล่าวว่า เธอและกลุ่มแม่บ้านชน 3 เผ่า รู้สึกซาบซึ้งและปลื้มปีติเป็นล้นพ้นที่ในหลวง และสมเด็จพระราชินี เสด็จฯมาที่ จ.อุดรฯ พวกเธอทุกคนตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อแต่งกายด้วยชุดประจำเผ่าของตัวเอง เพื่อมาเฝ้าฯรับเสด็จฯด้วย เพราะต้องการแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีที่สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ทรงเป็นสถาบันหลักที่นำพาความเจริญและความสงบร่มเย็นมาสู่ของประเทศชาติมาทุกยุคสมัย
“ภูมิใจที่สุดในชีวิตที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย และมีสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจ และเป็นที่ยึดเหนี่ยวให้แก่ปวงพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าเสมอมา เราพยายามสอนลูกสอนหลานทุกคนในหมู่บ้านให้มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะตั้งแต่เราเกิดมาลืมตาดูโลก เราก็เห็นพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงงานหนักเพื่อความอยู่ดีมีสุขของปวงประชามาโดยตลอด”
ในโอกาสนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้กองแพทย์หลวงมาดูแลสุขภาพประชาชนที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯ และได้พระราชทานอาหารมื้อกลางวัน และมื้อเย็นแก่พสกนิกรที่มาเฝ้าฯรับเสด็จฯสร้างความปลาบปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่ราษฎรในพื้นที่เป็นล้นพ้น