นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงการคลัง ว่า ในระยะเร่งด่วนได้สั่งการให้มีการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งล่าสุดกระทรวงการคลังได้ออกมาตรการช้อปดีมีคืน เพื่อสร้างกำลังซื้อแก่ผู้ที่อยู่ในระบบภาษี และมาตรการคนละครึ่ง เพื่อช่วยให้ผู้ค้ามีการจำหน่ายสินค้าและบริการมากขึ้น การแก้ปัญหาสภาพคล่องของภาคเอกชน เพื่อให้ผู้ประกอบการยังคงการจ้างงานของลูกจ้างไว้ การสร้างความเข้มแข็งฐานะทางการคลัง เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน ว่าเงินสำรองระหว่างประเทศเพียงพอและมีความมั่นคง ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง
นอกจากนี้ เตรียมออกมาตรการรองรับการว่างงานจากสถานการณ์โควิด-19 และการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายปี 2564 ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ โดยได้สั่งการให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเร่งรัดการเบิกจ่าย เพื่อตรวจสอบผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งจะเริ่มดำเนินการภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ ขณะเดียวกัน ได้มีการเตรียมมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบด้วย เช่น การท่องเที่ยว การลงทุนภาครัฐและเอกชน การเร่งรัดการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและการเพิ่มขีดความสามารถของประชาชน เป็นต้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการทำงานได้ให้แนวทางแก่ผู้บริหารของกระทรวงการคลังว่า ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี มีธรรมาภิบาลและมีความโปร่งใส เนื่องจากเป็นหน่วยรับจ่ายเงินของประเทศ โดยการใช้จ่ายเงินจะต้องเป็นประโยชน์ต่อประชาชน รวมทั้งต้องบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน ต้องดูแลเศรษฐกิจมหภาคในภาพรวม ร่วมกับสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมประเมินว่ามีมุมมองทิศทางเศรษฐกิจเห็นตรงกันหรือไม่ และนำไปประกอบการพิจารณาแนวทางของรัฐบาลต่อไป ส่วนกรณีความขัดแย้งทางการเมืองและการชุมนุมที่เกิดขึ้นว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนชาวต่างชาติหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละมุมมองของนักธุรกิจ แต่เชื่อว่า ส่วนมากจะมองถึงผลตอบแทนทางธุรกิจที่ยังคงต้องเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง