นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมได้รับการร้องเรียน และพยานหลักฐานจำนวนมากจากข้าราชการทหารเรือว่า อดีตผู้บัญชาการทหารเรือที่พึ่งเกษียณอายุราชการไปนั้น ได้จัดทำหรือสั่งการให้มีการดำเนินโครงการต่างๆ ในลักษณะที่อาจขัดระเบียบของทางราชการ ไม่โปร่งใส และอาจเข้าข่ายทุจริตตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งผู้นำกองทัพเรือ ซึ่งมีทั้งหมดมากกว่า 12 โครงการ มูลค่ารวมหลายหมื่นล้านบาท โครงการต่างๆ ดังกล่าวที่ส่อมีข้อพิรุธประกอบด้วย
1.โครงการจัดหาเครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล(MPA) วงเงิน 14,000 ล้านบาท
2.โครงการจัดหาระบบค้นหาเป้าหมายทางบก วงเงิน 649 ล้านบาท
3.โครงการจัดหายานล่าทำลายทุ่นระเบิดแบบเคลื่อนที่ทดแทนยาน Pluto Plus ของเรือ ลทฝ. ชุด ร.ล.ลาดหญ้า วงเงิน 150 ล้านบาท
4.โครงการจัดหาเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่(LPD) วงเงิน 5,500 ล้านบาท
5.โครงการจัดหาระบบควบคุมการยิงพร้อมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องจำนวน 2 ระบบ วงเงิน 456 ล้านบาท
6.โครงการบ้านพักรับรองผู้บัญชาการทหารเรือ วงเงิน112 ล้านบาทและระบบรักษาความปลอดภัย 20 ล้านบาท
7.โครงการก่อสร้างอาคารเอนกประสงค์ สอ.รฝ. วงเงิน 51 ล้านบาท
8.โครงการถวายภัตตาหารเพลพระภิกษุ สามเณร วัดโมลีโลกยารามวรวิหารต่อเนื่อง 700 วัน วงเงิน 20,000 บาทต่อวัน หรือประมาณ 14 ล้านบาท
9.โครงการไตรกีฬา วงเงิน 95 ล้านบาท
10.โครงการก่อสร้างอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียมข้าราชการ กองทัพเรือ
11.โครงการก่อสร้างซุ้มประตูทางเข้าหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ วงเงิน 35 ล้านบาท
12.โครงการคัดเลือกผู้ช่วยฑูตทหารเรือ และรองผู้ช่วยทูตทหารเรือ 13.โรงการจัดซื้อจัดซื้อยานเกราะจากประเทศจีน วงเงิน 405 ล้านบาท และ 14.โครงการก่อสร้างประตูทางเข้ากองทัพเรือ ทั้งนี้ไม่รวมถึงการมีหนังสือเร่งรัดไปยังปะเทศจีนในโครงการจัดซื้อจัดหาเรือดำน้ำ 3 ลำจากประเทศจีน ที่สมาคมฯได้เคยร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ไว้แล้วด้วย
กรณีดังกล่าวเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของทหารเรือทั้งหลาย รวมทั้งสาธารณชนเป็นจำนวนมากที่วิพากษ์วิจารณ์การจัดทำโครงการต่างๆ ดังกล่าว ซึ่งไม่สอดคล้องกับสกานการณ์ปัญหาของประเทศที่กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมทั้งบางโครงการไม่มีความจำเป็นในการนำเงินภาษีของประชาชนมาใช้แต่อย่างใด อีกทั้งมีความพยายามที่จะให้แต่ละโครงการดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 30 ก.ย.63 อันชี้ช่องให้เห็นเป็นข้อพิรุธมากมาย
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมฯ จึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ใช้อำนาจตาม พรป.ป.ป.ช.2561 ในการไต่สวน สอบสวน เอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกๆโครงการต่อไป โดยจะไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ในวันศุกร์ที่ 2 ต.ค.62 เวลา 10.30 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช. ถนนสนามบินน้ำ นนทบุรี