พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “พงศกร รอดชมภู”ว่า เห็นพยายามนำเสนอเรื่องการปฏิวัติประชาชนกัน ประชาชนอยู่ๆ จะปฏิวัติได้สำเร็จเป็นไปได้ยากมาก นอกเสียจากมีปัจจัยภายนอกที่ผู้มีอำนาจควบคุมไม่ได้ ในอดีตก็เช่น ชนชั้นนำแย่งอำนาจกันเองจนระบบทหารอ่อนแอลงถึงที่สุด เกิดสงครามจากภายนอกที่อาวุธใกล้เคียงหรือเหนือกว่าจนกองทัพหมดสภาพ แพ้ตกเป็นอาณานิคมมาก่อน หรือทุพิกภัย โรคระบาดร้ายแรงอดอาหารอย่างหนักเป็นต้น ไม่มีปัจจัยภายนอกที่ผู้ปกครองคุมไม่ได้เกิดขึ้น ถือว่าปิดประตูชนะสำหรับการปฏิวัติประชาชน จะมีเหลืออยู่ก็คงเป็นวีรกรรมของผู้เสียสละทั้งหลายให้ได้เรียนกันเท่านั้น
หากมีปัจจัยภายนอกดังกล่าวแล้วก็ต้องตามด้วยสิ่งแวดล้อมสำคัญในขณะนั้น 4 ประการ คือ
1. คนจำนวนมาก ส่วนใหญ่นั้นไม่ต้องการให้ผู้ปกครองคนเก่าปกครองอีกต่อไป และผู้ปกครองก็หมดเขี้ยวเล็บที่จะใช้กฎหมายหรือใช้กำลังบังคับใครต่อใครได้อีกต่อไป
2. เมื่อไม่ยอมให้ปกครอง และจะปกครองก็ปกครองไม่ได้ ก็ต้องตามมาด้วยการประท้วงให้แพร่กระจายไปทั่ว เช่นประท้วงเรื่องอาหารที่ขาดแคลนในฝรั่งเศสและรัสเซียได้แก่ขนมปังในการเลี้ยงชีพ ผู้ปกครองบอกปัดการดูแล ส่วนผู้ประท้วงไปแสวงหาทางออกมาด้วยจนได้ในการหาขนมปังมาให้ประชาชนแทนผู้ปกครองโดยไม่ทำให้อิ่มเกินไปเพื่อให้ยังมีความต้องการบรรเทาความหิวไม่รู้จบ
3. มีการจับอาวุธ เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ซึ่งอาจเกิดจากอุบัติเหตุเหมือนการทลายคุกบาสตีลเพื่อหากระสุนปืน เป็นต้น
4. มีการจัดตั้งเครือข่ายประชาชนที่จริงจัง มีองค์กรที่จะขับเคลื่อน จะตัดสินใจ ให้มีเอกภาพและทั่วถึงโดยมีวินัยที่เข้มงวด ไม่ยอมให้ใครมาสร้างความแตกแยกได้ง่าย ๆ
5.ปัจจัยนี้เป็นสาระที่ควรทราบเพื่อพิจารณาว่าได้เวลาสุกงอมแล้วหรือไม่ ด้วยวิธีการใด
เรียกรวมๆ ว่า "สถานการณ์ปฏิวัติ" ภาษาคอมมีคือ กระแสปฏิวัติขึ้นสูง เมื่อกระแสมา และมีมวลชนที่เข้มแข็งจริง การปฏิวัติจึงจะสำเร็จได้ ถ้ากระแสมา แต่ไม่มีมวลชนที่จัดตั้งไว้ก่อนแล้วอย่างดีพอ ก็จะสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์ ในทางตรงกันข้าม ประกาศจะปฏิวัติแล้วไม่มีกระแส ก็กลายเป็นมุกแป๊ก ทำบ่อยๆ ไม่มีใครเชื่ออีกต่อไป