พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายสิทธิ งามลำยวง ทนายความส่วนตัว นำเอกสารคำร้องยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ต่อศาลปกครองกลาง กรณีออกคำสั่งย้ายโอนไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นายสิทธิ กล่าวว่า คำสั่งย้ายโอนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายครั้งนี้กินเวลาผ่านมากว่า 1 ปี 5 เดือนแล้ว ยังไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวนความผิด พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ และไม่มีการสอบสวนทั้งจากหน่วยงานที่ตรวจสอบทั้ง ป.ป.ท ป.ป.ช. และ สตง. ตามกระบวนการที่ควรจะเป็น อีกทั้งเจ้าตัวก็ไม่ได้สมัครใจที่จะโอนย้ายไปในตำแหน่งดังกล่าว นอกจากนี้ ที่ผ่านมา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ก็ปฏิบัติหน้ที่เต็มกำลังความสามารถในฐานะตำรวจที่ต้องบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับประชาชน ด้วยการเข้าไปแก้ปัญหาคดีฉ้อโกงประชาชน หนี้นอกระบบ แก๊งโรแมนซ์สแกม แก๊งอาชญากรข้ามชาติ รวมถึงคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชน โดยการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างเอาจริงเอาจัง จนผลงานเป็นที่ประจักษ์ และ ภายหลังที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ถูกโอนย้ายไป ความเดือดร้อนของประชาชนก็ไม่ได้รับการเอาใจใส่และสานต่อ ทั้งที่เรื่องปากท้องของประชาชนที่เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ทำให้ปัญหาซ้ำๆ เดิมๆ ที่เคยห่างหายไปช่วงปราบปรามหนักๆ หวนกลับมาทำร้ายประชาชนได้อีก
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไม่เคยถูกระบุว่ามีความผิดอะไร ไม่มีการตั้งกรรมการสอบ แม้แต่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยังออกมาระบุว่า มีความผิดอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่มี ก็มีสิทธิกลับต้นสังกัดได้ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการออกคำสั่งแก้ไขคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีข้าราชการกว่า 90 คน ที่ถูกย้ายโอนมาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปัจจุบันเกินกว่า 80 คน ทยอยกลับต้นสังกัดแล้วหลังสอบสวนไม่มีความผิด และอีกไม่กี่คนกำลังจะเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคมนี้ ขณะที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไม่เพียงแต่ไม่มีผลสอบสวนความผิด แต่ยังไม่มีการแก้ไขคำสั่งที่ผิดพลาด ทำให้เสียโอกาสไปปฏิบัติหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้ประชาชน อย่างที่ควรจะเป็น เพราะเป็นหน้าที่ของตำรวจ นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ต้องออกมายื่นฟ้อง ขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดยมองถึงประโยชน์สุขของประชาชนเป็นหลัก
นายสิทธิ กล่าวอีกว่า การใช้สิทธิเรียกร้องความยุติธรรมของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ในครั้งนี้ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง และเพื่อเป็นบรรทัดฐานให้แก่ข้าราชการอื่นที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแต่งตั้งโยกย้ายจากผู้บังคับบัญชา ให้กล้าที่จะลุกขึ้นมาเรียกร้องความเป็นธรรมและสร้างมาตรฐานที่ดีของการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม โดยหวังพึ่งอำนาจศาลปกครอง ซึ่งเป็นอำนาจตุลาการที่จะให้ความเป็นธรรมและสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องต่อไป