นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด- 19 ในเรือนจำ ว่า การตรวจพบเชื้อโควิด -19 เป็นการตรวจพบนักโทษใหม่ในคดียาเสพติดซึ่งถูกกักตัวในห้องแยกโรค แดนแรกรับ ก่อนเข้าสู่แดนปกติที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง โดยถูกควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา ร่วมกับผู้ต้องขังอีก 32 คน ล่าสุด กรมราชทัณฑ์ย้ายผู้ติดเชื้อจากเรือนจำไปโรงพยาบาลราชทัณฑ์แล้ว และมีการกักตัวผู้ต้องขังที่อยู่ในหอนอนเดียวกันต่อเนื่องจนครบ 14 วัน จากนั้นจะตรวจหาเชื้ออีกครั้งหนึ่ง
นายสมศักดิ์ ยืนยันว่า การตรวจพบเชื้อในครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากการหละหลวมในการควบคุมเชื้อ โดยไม่ได้เป็นการตรวจพบเชื้อของนักโทษในเรือนจำ แต่เป็นการตรวจพบเชื้อในนักโทษใหม่ที่เพิ่งเข้ามา โดยปกติเรือนจำมีมาตรการกักตัวผู้ต้องขังใหม่ในแดนแรกรับก่อน 14 วันเพื่อหาเชื้อ หากพบมีผู้ติดเชื้อ จะทำการแยกตัวทันที ซึ่งกรณีนี้ผู้ติดเชื้อเป็นดีเจที่ทำงานในร้านอาหารหลายแห่ง ทางกระทรวงสาธารณสุขจะต้องสืบหาที่มาของเชื้อต่อไป ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ยังมีมาตรการเข้มงวดในการควบคุมโควิด-19 ในเรือนจำ โดยเฉพาะแดนแรกรับที่จะต้องมีการคัดกรองอย่างเข้มงวด
นายสมศักดิ์ เปิดเผยด้วยว่า ตนได้มอบนโยบายให้สร้างห้องกักโรคตั้งแต่เดือนเมษายน ซึ่งมีทุกเรือนจำ ในกรณีนี้ยังไม่ได้เข้าสู่แดนผู้ต้องขัง จึงยังไม่มีการแพร่ระบาดสู่ผู้ต้องขังในเรือนจำแต่อย่างใด ที่ผ่านมาเราไม่ได้หย่อนยานในการตรวจโรค แม้แต่ผู้ต้องขังที่ออกไปขึ้นศาล เมื่อกลับเข้ามาก็ต้องมีการเข้าห้องกักโรคด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้คงต้องมีมาตรการที่เข้มงวดกว่าเดิม เพราะก่อนหน้านี้สถานการณ์ในประเทศไทยปลอดผู้ติดเชื้อมากว่า 100 วัน เราก็ได้มีการผ่อนคลายไปบ้าง แต่เมื่อพบเหตุการณ์เช่นนี้คงต้องเพิ่มความเข้มงวดให้มากขึ้นจากเดิม 60-70% เป็น 80-90% ส่วนการเข้าเยี่ยมญาตินั้น ก็คงต้องมีการคัดกรองที่เข้มงวดกว่าเดิมด้วยเช่นกัน แต่ไม่ได้มีการห้ามเยี่ยม เพื่อป้องกันญาติที่เข้าเยี่ยมนำเชื้อมาแพร่สู่ผู้ต้องขังด้วย