พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ในการนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทาน เครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ผู้ประสบเหตุอุทกภัยและผู้ได้รับผลกระทบ
วันนี้ (27 สิงหาคม 2563) เวลา 09.15 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเรือเอก พงษ์เทพ หนูเทพ องคมนตรี ไปประชุมและติดตามการแก้ไขสถานการณ์การเกิดอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย
ต่อจากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเรือเอก พงษ์เทพ หนูเทพ องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทาน เครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 5,000 ถุง ไปมอบแก่ราษฎรที่ประสบเหตุอุทกภัยและผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่อำเภอสวรรคโลก อำเภอศรีสำโรง และอำเภอเมืองสุโขทัย ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นและเป็นขวัญกำลังใจ
ในโอกาสนี้ องคมนตรีได้เชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ไปกล่าวให้ราษฎรที่ประสบเหตุอุทกภัย กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ และเจ้าหน้าที่ให้ทราบ
ในการนี้ องคมนตรีได้ลงพื้นที่เชิญถุงพระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ครอบครัวราษฎรที่ประสบเหตุอุทกภัย และผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่อำเภอศรีสำโรง จำนวน 10 ครอบครัว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน โดยเป็นผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ ผู้ทุพลลภาพ พร้อมกับพูดคุยสร้างขวัญกำลังใจเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้ตามปรกติสุข ต่อไป ราษฎรต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
จังหวัดสุโขทัย แบ่งการปกครองออกเป็น 9 อำเภอ 84 ตำบล 843 หมู่บ้าน ได้รับอิทธิพลจากร่องลมมรสุมพัดผ่านและหย่อมความกดอากาศต่ำแพร่ปกคลุมภาคเหนือของประเทศไทย เมื่อวันที่ 20-23 สิงหาคม 2563 ทำให้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันเป็นวงกว้างในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดแพร่ อุตรดิตถ์ และจังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำยม และน้ำจะไหลมารวมกันผ่านเข้าพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ประกอบกับมวลน้ำมีจำนวนมาก ทำให้พนังกั้นแม่น้ำยมในพื้นที่อำเภอสวรรคโลก อำเภอศรีสำโรง และอำเภอเมืองสุโขทัย ชำรุด พังเสียหาย ทำให้น้ำล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรอย่างฉับพลัน และท่วมในพื้นที่อำเภอต่าง ๆ ทำให้บ้านเรือนราษฎร ทรัพย์สิน ถนน สะพาน และพื้นที่ทางการเกษตรในพื้นที่ 3 อำเภอ 14 ตำบล 40 หมู่บ้าน ได้รับความเสียหาย ราษฎรได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบ 11,872 ครัวเรือน โดยผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนจิตอาสาพระราชทาน ได้เร่งให้ความช่วยเหลือ ซ่อมแซม และฟื้นฟูบ้านเรือนราษฎร ถนน และพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายเป็นการเร่งด่วนแล้ว