นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ในกลุ่มลูกค้าที่มีเงินฝากและลงทุน อยู่ที่ 50 ล้านบาท หรือ Private Banking ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 พบว่า ช่วงเดือนมีนาคม ที่ตลาดมีความผันผวน ส่งผลให้ลูกค้าที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนน้อยมีความกังวลได้โยกการลงทุนจากกองทุนมาฝากเงินบ้าง ขณะที่ลูกค้าที่รับความเสี่ยงสูง ไม่ได้โยกการลงทุนแต่อย่างใด ทำให้ภาพรวมการไหลออกของเงินลงทุนไม่มากนัก โดยทั้งปียังคงเห็นการลงทุนทรงตัวอยู่ที่ 7.5 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ดี ธนาคารตั้งเป้าลดสัดส่วนเงินฝากให้ลงมาอยู่ที่ระดับ ร้อยละ 20-25 จากปัจจุบันอยู่ที่ ร้อยละ 35 ของยอดลงทุน 7.5 แสนล้านบาท โดยพยามยามแนะนำการลงทุนในตลาดอื่นๆ ให้ลูกค้ามากขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทน (Yield) เนื่องจากหากเทียบอัตราดอกเบี้ยเงินฝากปัจจุบันค่อนข้างต่ำ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์เฉลี่ยต่ำกว่า 0.25% หรือเงินฝากประจำไม่ถึง 1% หากลูกค้าที่กลัวความเสี่ยงนั้น มีกองทุนตราสารหนี้แบบมีระยะเวลา 1 ปี ซึ่งให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1.2-1.3% ถือว่าให้ผลตอบแทนดีการฝากเงิน
อย่างไรก็ดี ธนาคารตั้งเป้าลดสัดส่วนเงินฝากให้ลงมาอยู่ที่ระดับ ร้อยละ 20-25 จากปัจจุบันอยู่ที่ ร้อยละ 35 ของยอดลงทุน 7.5 แสนล้านบาท โดยพยามยามแนะนำการลงทุนในตลาดอื่นๆ ให้ลูกค้ามากขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทน (Yield) เนื่องจากหากเทียบอัตราดอกเบี้ยเงินฝากปัจจุบันค่อนข้างต่ำ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์เฉลี่ยต่ำกว่า 0.25% หรือเงินฝากประจำไม่ถึง 1% หากลูกค้าที่กลัวความเสี่ยงนั้น มีกองทุนตราสารหนี้แบบมีระยะเวลา 1 ปี ซึ่งให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1.2-1.3% ถือว่าให้ผลตอบแทนดีการฝากเงิน
