รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระบุว่า สถานการณ์ทั่วโลกล่าสุด 21 สิงหาคม 2563
พรุ่งนี้จะทะลุ 23 ล้านคน เมื่อวานติดเชื้อเพิ่มอีกถึง 269,033 คน ตายเพิ่มอีก 6,408 คน ยอดรวมตอนนี้ 22,791,986 คน
อเมริกา ติดเพิ่ม 46,856 คน รวม 5,739,998 คน ตายเพิ่มเกินพัน
บราซิล ติดเพิ่ม 45,323 คน รวม 3,501,975 คน ตายเพิ่มเกินพัน
อินเดีย ติดเพิ่ม 68,507 คน รวม 2,904,329 คน ตายเพิ่มเกือบพัน
รัสเซีย ติดเพิ่ม 4,785 คน รวม 942,106 คน ตายหลักร้อย
แอฟริกาใต้ เม็กซิโก เปรู ติดเพิ่มสี่พัน ห้าพัน เก้าพัน ตามลำดับ เปรูดูจะสถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม ยอดติดต่อวันเพิ่มขึ้นมาก
สหราชอาณาจักร เยอรมัน ฝรั่งเศส อิหร่าน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ติดเพิ่มกันหลักพันถึงหลายพัน ส่วนญี่ปุ่นติดเกือบพัน
หลายประเทศในยุโรป รวมทั้งแคนาดา ปากีสถาน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ติดเพิ่มกันหลายร้อย
ส่วนสิงคโปร์ ฮ่องกง เวียดนาม ติดเพิ่มกันหลักสิบ
จีน มาเลเซีย และนิวซีแลนด์ ต่ำกว่าสิบ
สถานการณ์ในภาพรวม การระบาดทั่วโลกยังไม่ดีขึ้น เพิ่ม 1 ล้านทุก 4 วันเช่นเดิมตั้งแต่กรกฎาคมมาสิงหาคม ไวกว่ามีนาคม 9 เท่า
ข้อมูลทางการแพทย์ที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรค COVID-19 นี้มีมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละวัน
เดิมเชื่อว่าติดเชื้อกันผ่านทางไอ จาม ไวรัสเกาะมากับละอองฝอยของน้ำลาย เสมหะ หรือสิ่งคัดหลั่งต่างๆ รวมถึงที่เกาะติดกับสิ่งของในสภาพแวดล้อมและไปจับต้องถูกสิ่งของเหล่านั้น นำมาล้วงแคะแกะเกา
แต่ตอนนี้ชัดเจนขึ้นมากว่า มีหลักฐานบ่งชี้ถึงการแพร่ผ่านทางอากาศ หรือ aerosol transmission ได้ เช่น การระบาดหมู่มากใน call center ประเทศเกาหลี, คณะร้องเพลงในโบสถ์ในประเทศอเมริกา, รวมถึงการติดเชื้อในร้านอาหารในประเทศจีน เป็นต้น
ดังนั้นประชาชนทุกคนจึงควรรับทราบความรู้เหล่านี้ ตามอัพเดตอยู่เสมอ จะได้ระแวดระวัง ปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง เพื่อที่จะไม่ติดเชื้อไวรัสโรค COVID-19 นี้
โรคนี้แพร่ไวกว่าไข้หวัดใหญ่ เป็นแล้วตายได้ ไม่ใช่หวัดธรรมดา และยังไม่มียารักษามาตรฐาน ไม่มีวัคซีนป้องกัน
ตอนนี้ความเสี่ยงที่จะมีการระบาดซ้ำในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากศึกนอกและศึกใน
เชื่อว่าทาง ศบค.ได้พยายามเต็มที่ที่จะวางแผนอย่างรัดกุม
การนำเข้าชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศจำเป็นต้องทำเฉพาะที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดเท่านั้น และระบบการคัดกรองโรค กักตัว รวมถึงติดตาม ต้องเข้มแข็ง จึงจะลดโอกาสการแพร่ระบาดซ้ำได้
ฟองสบู่ท่องเที่ยวจำเป็นต้องยุติไปก่อนอย่างน้อย 6 เดือน เพราะสถานการณ์การระบาดที่รุนแรงทั่วโลก ไม่มีที่ใดปลอดภัย
นโยบายรัฐควรใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง ยืนบนขาตนเอง ลดการพึ่งพาต่างชาติ จึงจะมีโอกาสรอดในสงครามนี้ซึ่งคาดว่าจะกินเวลาอีกอย่างน้อย 6-18 เดือนจึงจะซาลง
ขณะที่ภายในประเทศ ก็ขอให้พวกเราทุกคนป้องกันตัวเองเสมอ มีสติในการดำรงชีวิต อดทน อดกลั้น อดออม และพอเพียง
#ใส่หน้ากากเสมอ
#ล้างมือบ่อยๆ
#อยู่ห่างคนอื่นหนึ่งเมตร
#ไม่แชร์ของกินของใช้ร่วมกับคนอื่น
#พูดน้อยลง
#พบคนน้อยลงสั้นลง
#คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว
#หากไม่สบายให้หยุดเรียนหยุดงานและรีบไปตรวจรักษา
ประเทศไทยต้องทำได้
ด้วยรักต่อทุกคน