นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่หากต้องมีการทำประชามติจะต้องเสียงบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท ว่า หากต้องมีการทำประชามติจริงก็จะต้องใช้งบประมาณดังกล่าวเทียบเท่ากับการเลือกตั้ง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกแก้รัฐธรรมนูญแบบใด อาทิ การแก้ไขแบบรายมาตรา หรือการแก้ไขหมวดทั่วไป หมวดพระมหากษัตริย์ หมวดเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงคุณสมบัติต้องห้ามขององค์กรอิสระ ซึ่งหากต้องการแก้ส่วนเหล่านี้จะจัดอยู่ในกลุ่มที่ต้องทำประชามติ ซึ่งอาจมีความยุ่งยาก แต่ทั้งนี้ไม่ขอตอบว่าการทำประชามติโดยใช้งบกว่า 3,000 ล้านบาท จะคุ้มค่าหรือไม่ เพราะหากมีความจำเป็นก็ต้องแก้ไขอย่างคุ้มค่า
นายวิษณุ ระบุว่า ขณะนี้แนวทางการแก้รัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชุดที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นประธาน ยังดำเนินการไม่เสร็จ ซึ่งอยู่ระหว่างรอข้อเสนอให้ส่งมาว่าจะแก้รายมาตราหรือแก้ทั้งหมด และรัฐบาลจะพิจารณาว่าควรทำอย่างไร โดยมีธงในใจบางส่วนแล้ว เพราะพบปัญหา แต่ขอรอฟังทั้งหมดก่อนเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง พร้อมกันนี้ปฏิเสธว่า รัฐบาลไม่เคยพูดว่าไม่ต้องการให้มีการตั้ง ส.ส.ร.
ส่วนรัฐบาลจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่ได้คิด เพราะตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการรับฟังและใช้ความเห็นจากพรรคร่วมรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าการพิจารณาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญน่าจะเกิดขึ้นในสมัยการประชุมหน้า