นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยในไตรมาส 2 ปี 2563 ถือเป็นช่วงที่เศรษฐกิจหดตัวสูงกว่าที่เคยลงไปลึกสุดที่ -12.5% ในไตรมาส 2 ปี 2541 ซึ่งเป็นการติดลบมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่ใช้มาตรการเข้มงวดทั้งในและต่างประเทศ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายภาคส่วนต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว
ทั้งนี้ อุปสงค์จากต่างประเทศหดตัวสูง ทั้งภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ และการส่งออกสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าอ่อนแอลงมาก ส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะเครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งการผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวสูง มีเพียงการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวได้และมีบทบาทสำคัญในการช่วยพยุงเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน นายดอน กล่าวถึงการประมาณการเศรษฐกิจปี 2563 รอบใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย จากที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะติดลบ 8.1% นั้น คงต้องรอตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 ปี 2563 ออกมาอย่างเป็นทางการจากสภาพัฒน์ ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจไม่ได้เลวร้ายกว่าที่คิด ซึ่งอาจจะส่งผลให้การปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปีนี้ติดลบน้อยลงจากคาดการณ์เดิม
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดต้องรอเดือนกันยายน 2563 จะเห็นภาพชัดเจนที่สุด เพราะเศรษฐกิจไตรมาส 3 จะเป็นตัวตัดสินว่าเศรษฐกิจทั้งปีจะมีทิศทางอย่างไร ซึ่งตอนนี้ยังเห็นการระบาดโควิด-19 รุงแรงในหลายประเทศ ทำให้ต้องจับตาว่าจะมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มข้นอีกหรือไม่ ถ้ามีก็จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทย
ทั้งนี้ รัฐบาลต้องมีการเตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ดังกล่าว โดยคาดจะต้องไม่ตก เพราะหนทางในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งในส่วนการเยียวยาและฟื้นฟูยังอีกยาวไกล ดังนั้น เงินที่มีต้องใช้ให้ถูกจุดและทันการ หากสถานการณ์เลวร้ายลงอีกก็ต้องพร้อมจะเพิ่มมาตรการดูแล