นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้า พรรครักประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊ก”ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์”ระบุว่า มันจบไปแล้วจริงๆ เรื่องนายบอสกลายเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ที่ใครๆ หลายคนพูดถึง ทุกสื่อเอามาขยี้ละเอียดแหลก ทั้ง วิทยุ หนังสือพิมพ์ ทีวี โซเชียล
ส่วนตำรวจ อัยการ ตั้งคณะกรรมการสอบกันเองวุ่นวาย ลามไปถึงรัฐบาล รัฐสภา กรรมมาธิการสารพัด
ทั้งๆ ที่รู้อยู่คาอก ว่าแม้จะตั้งมากี่คณะกรรมการ ก็ทำอะไรไม่ได้ มันสายไปเสียแล้ว คดีมันจบไปแล้ว
เหตุที่ข่าวในประเทศไทยไม่ได้ปรากฏมาก่อนสักแอะ เพราะเขาเดินเกมเงียบจนไปถึงสุดทาง จะพลิกตำรากฎหมายเล่มไหน สำนักไหน ก็ไม่มีทางเปลี่ยนผลคดีได้
ตำรวจบอกว่า “ไม่ห้ามที่ครอบครัวผู้เสียหายสามารถไปฟ้องเองได้” แหมท่าน เหมือนพูดกำปั้นทุบดิน เพราะเขาได้รับเงินเยียวยาไปแล้ว และเซ็นรับว่าจะไม่ฟ้องทั้งแพ่งและอาญา
ส่วนที่ซีเอ็นเอ็นเขาได้เอาไปเปิดเผยก่อน เพราะตำรวจไทยแจ้งไปที่ตำรวจสากลให้ถอนหมายจับสื่อนอกจึงทราบก่อนว่าตำรวจสากลเขาถอนหมายแดงแล้ว จึงฉงน จนเปิดเผยเรื่องราวสั่นสะเทือนวงการยุติธรรมไทย
ขอยืนยันอีกครั้งว่า “เรื่องมันจบไปแล้ว” จากการที่อัยการไม่ฟ้อง ตำรวจไม่แย้ง กระบวนการทางกฎหมายมันสุดทาง ถอนหมายจับเรียบร้อย
อย่าไปคิดว่าอ้ายสารพัดคณะกรรมการ ที่จัดตั้งขึ้นเอง หรือแม้แต่ท่านนายกฯไปตั้ง ท่านวิชา มหาคุณ เป็นกรรมการสรรหาความจริงจะไปเปลี่ยนแปลงการตัดสินของอัยการได้ เพราะกฎหมายให้อำนาจอัยการไว้ ไม่ได้ให้อำนาจใดๆ กับคณะกรรมการไว้เลยสักนิด
อยากสอบก็สอบไป ก็ท่านยืนยันว่าเป็นไปตามตัวบทกฎหมายทุกตัวอักษร ไม่มีอะไรผิด ที่สงสัยเรื่องโน่นนี่นั่น ก็สงสัยกันไป มันหามีอะไรไปเปลี่ยนแปลงได้ไม่ อีกอย่างท่านทำแบบนี้มานานแล้ว ใช่ว่าเพิ่งทำกับคดีนายบอสคดีเดียวเสียที่ไหน
ยิ่งคณะกรรมมาธิการสารพัดที่สภา ยิ่งบ่มิไก๊ ผมก็เคยเป็น เรียกมาสอบ เขาก็มาบ้าง มอบหมายท่านอื่นมาแทนบ้าง และยืนยันว่าปฏิบัติตามตัวบทกฎหมาย ไม่ได้เข้าข้างใครเป็นอันขาด แถมไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว บางท่านก็เพิ่งเคยได้ยินชื่อนายบอส
“ไม่รู้จริงจริ๊งงง ว่าเป็นลูกใคร หลานใคร”
อย่าไปหวังเปลี่ยนแปลงผลคดีเลย เพราะเดี๋ยวก็จะมีบางท่านมาบอกว่า กลัวถูกทนายของนายบอสฟ้อง ม.157 ฐานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่กล้าเสี่ยง
รอสักพัก พอเรื่องซา นายบอสกลับเมืองไทยแบบเงียบๆ เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนาม เดี๋ยวคนก็ลืม
มันจบไปแล้วจริงๆ ครับ รวมทั้งประเทศไทยด้วย จบแล้วจริงๆ