สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายดาเนียล แอนดรูว์ส มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลีย แถลงสถานการณ์โควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 532 คน ซึ่งเป็นสถิติรายวันสูงสุด ทั้งของรัฐและระดับประเทศ ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 8,713 ราย ผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูเพิ่มเป็นอย่างน้อย 44 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้น 6 ราย เพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมในรัฐวิกตอเรียเป็น 77 ราย
ทั้งนี้ นครเมลเบิร์น เมืองเอกของรัฐวิกตอเรีย และเขตมิตเชลล์ ชไรน์ อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เบื้องต้นมีกำหนด 6 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม นายแอนดรูว์ส กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะยังไม่มีกำหนดสิ้นสุด ตราบใดที่ผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการและผู้ที่มีอาการเบาบาง ฝ่าฝืนคำสั่งกักตัว ยังออกไปใช้ชีวิตตามปกติ พร้อมเตือนว่า อาจสั่งปิดสถานที่ทำงานหลายประเภทเพื่อควบคุมโรค และตำหนิกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ไม่ให้ความร่วมมือกับมาตรการสวมหน้ากากอนามัย แล้วยังอัดคลิปท้าทายตำรวจและพนักงานตามห้างร้านมาเผยแพร่บนสังคมออนไลน์
ขณะที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลีย และมีพรมแดนทางใต้ติดกับรัฐวิกตอเรีย ระงับการเดินทางถึงกันอย่างไม่มีกำหนดแล้ว มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17 คน เพิ่มจำนวนผู้ป่วยสะสมในรัฐฯ เป็นอย่างน้อย 3,496 คน และเสียชีวิตแล้ว 51 ราย
ทางด้านนายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวว่า ขอให้ชาวรัฐวิกตอเรียอดทน และยืนยันว่าส่วนกลางพร้อมช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง