ทางการนครเมลเบิร์น เมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลีย มีคำสั่งให้ผู้อยู่อาศัยในนครเมลเบิร์นทุกคนต้องสวมหน้ากากเมื่อออกจากบ้าน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ ได้ใช้มาตรการจำกัดที่เข้มงวดขึ้นตามพรมแดน เพื่อป้องกันการระบาดของโรค โดยจากนี้ไป การเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างรัฐวิกตอเรียและรัฐนิวเซาท์เวลส์จะอนุญาตเฉพาะเพื่อไปทำงาน เรียน หรือรักษาพยาบาลเท่านั้น เจ้าหน้าที่หรือนักเรียนที่เดินทางจากรัฐวิกตอเรียเข้านิวเซาท์เวลส์ เพื่อเข้าเรียนหรือเข้าทำงานในโรงเรียนประจำหรือมหาวิทยาลัย ต้องแยกกักตัวเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และต้องมีผลตรวจว่าปลอดเชื้อ
ทั้งนี้ รัฐวิกตอเรียมีผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันแล้วทั้งหมด 6,300 ราย ขณะที่ออสเตรเลียมีผู้ป่วยสะสมเกือบ 12,500 ราย เสียชีวิต 126 ราย นับตั้งแต่เกิดการระบาดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และแม้สถานการณ์โดยรวมจะดีกว่าประเทศร่ำรวยหลายประเทศ แต่ทางการยังคงกังวลเรื่องการแพร่กระจายของโรคในนครเมลเบิร์น
ขณะที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ ได้ใช้มาตรการจำกัดที่เข้มงวดขึ้นตามพรมแดน เพื่อป้องกันการระบาดของโรค โดยจากนี้ไป การเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างรัฐวิกตอเรียและรัฐนิวเซาท์เวลส์จะอนุญาตเฉพาะเพื่อไปทำงาน เรียน หรือรักษาพยาบาลเท่านั้น เจ้าหน้าที่หรือนักเรียนที่เดินทางจากรัฐวิกตอเรียเข้านิวเซาท์เวลส์ เพื่อเข้าเรียนหรือเข้าทำงานในโรงเรียนประจำหรือมหาวิทยาลัย ต้องแยกกักตัวเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และต้องมีผลตรวจว่าปลอดเชื้อ
ทั้งนี้ รัฐวิกตอเรียมีผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันแล้วทั้งหมด 6,300 ราย ขณะที่ออสเตรเลียมีผู้ป่วยสะสมเกือบ 12,500 ราย เสียชีวิต 126 ราย นับตั้งแต่เกิดการระบาดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และแม้สถานการณ์โดยรวมจะดีกว่าประเทศร่ำรวยหลายประเทศ แต่ทางการยังคงกังวลเรื่องการแพร่กระจายของโรคในนครเมลเบิร์น
