สถานทูตไทยในต่างแดนเดินหน้าแจง ยันไทยไม่ใช้ลิงเก็บมะพร้าว

นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศสั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยเร่งสร้างความเข้าใจกับต่างประเทศในกรณี PETA กล่าวอ้างประเทศไทยใช้แรงงานลิงในการเก็บมะพร้าว โดยให้ข้อเท็จจริงกับผู้บริโภคและผู้นำเข้าสินค้าไทยในกรณีดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานความคืบหน้าการดำเนินการจากสถานเอกอัครราชทูตหลายแห่ง เช่น สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ได้มีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงถึงบริษัทนำเข้ารายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เช่น Publix และ Cost Plus World Market โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าต่างประเทศทุกแห่งในสหรัฐฯ ได้ชี้แจงข้อมูลกับผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายในเครือข่ายทั่วประเทศไปพร้อมกัน และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกับบริษัทค้าปลีก และบริษัทนำเข้ารายใหญ่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัท Thai Mas ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายกะทิ "อร่อยดี" รายใหญ่ ขณะที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกับองค์กร World Animal Protection ในเดนมาร์ก เป็นต้น

ซึ่งการเร่งให้ข้อมูลดังกล่าวช่วยให้ผู้ประกอบการในตลาดสำคัญของสินค้าจากผลิตภัณฑ์มะพร้าวของไทยได้รับข้อมูลอีกด้าน และมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวด้วยยว่า เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปได้นำผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมสื่อมวลชน ลงพื้นที่สังเกตการณ์กระบวนการผลิตกะทิ ตั้งแต่วิธีการเก็บมะพร้าวที่สวนมะพร้าว สถานแปรรูปเบื้องต้น เพื่อให้รับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนการผลิตกะทิทุกขั้นตอน ซึ่งสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป พร้อมด้วยบริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว และบริษัท ไทย อกริ ฟู้ดส์ ในฐานะเจ้าของแบรนด์ที่ถูกกล่าวหา (แบรนด์ชาวเกาะและอร่อยดี) สามารถยืนยันให้เห็นได้ว่า ไม่มีการใช้แรงงานลิงแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ภาคเอกชนจะทำให้กับผู้บริโภคเชื่อมั่นคุณภาพและมาตรฐานการผลิต ด้วยการทำระบบตรวจสอบย้อนกลับ (tracing) บนบรรจุภัณฑ์ที่สามารถเช็กแหล่งที่มาของวัตถุดิบในทุกขั้นตอนจากสวนถึงโต๊ะอาหาร (from farm to table) การนำผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย และสื่อมวลชนลงพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นประโยชน์สำหรับสถานเอกอัครราชทูตเหล่านั้นในการรายงานข้อเท็จจริงไปยังเมืองหลวงต่อไป