ตามที่เมื่อวานนี้ (13 ก.ค.63) ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงถึงผู้ติดเชื้อ 1 ราย ที่เป็นทหารชาวอียิปต์ เดินทางเข้ามายังประเทศไทยในวันที่ 8 ก.ค. และเข้าพักที่โรงแรมที่เป็น State Quarantine ใน จ.ระยอง และเมื่อกรมควบคุมโรคเข้าไปสอบสวนโรค จึงพบว่า ทีมลูกเรือนี้ออกจากโรงแรมไปยังสถานที่บางแห่งใน จ.ระยอง เช่น ห้างสรรพสินค้า ทำให้ สถานที่ต่างๆ ต้องได้รับการเข้าไปสอบสวนโรคในพื้นทีสัมผัสทุกแห่งที่กลุ่มนี้เดินทางไป
วันนี้ (14 ก.ค.63) ที่ห้าง Passion (แหลมทอง) และห้าง Central จ.ระยอง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานเขตสุขภาพที่ 6 ได้นำรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย อันเป็นรถพระราชทานใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปตรวจบริการเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับประชาชน ทั้งหมด3กลุ่มกลุ่มแรกคือ ประชาชน 319 คน ที่มีประวัติเดินทางไปศูนย์การค้าแหลมทอง หรือแพชชั่น ช้อปปิ้ง เดสติเนชั่น และศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ระยอง และลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันไทยชนะ กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มพนักงานห้าง และผู้ให้บริการในห้าง รวมทั้งพนักงานโรงแรมที่ทหารอียิปต์ที่มาพัก และกลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มประชาชนที่ไม่สบายใจอยากจะเข้ามารับการตรวจสามารถตรวจได้ โดยรถพระราชทานจะอยู่ตรวจให้บริการ 2-3 วัน โดยประชาชนไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยมีประชาชนที่ไม่สบายใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างมารอรับบริการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นจำนวนมาก
สำหรับรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย จำนวน 13 คัน เพื่อกระทรวงสาธารณสุขนำไปใช้ประโยชน์ ณ สำนักงานเขตสุขภาพ ที่ 1-12 ทั่วประเทศ และเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่กระทรวงสาธารณสุข ดูแลรับผิดชอบเพื่อใช้เป็นห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ในการเก็บ ตัวอย่างโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19) ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่างๆได้อย่างรวดเร็ว อาทิ โรงเรียน วัด ชุมชนแออัดและกลุ่มอาชีพเสี่ยงทั่วประเทศ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบการเฝ้าระวังและค้นหาผู้ติดเชื้อโรคโควิด 19 เชิงรุก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระทรงมีพระราชวิสัยทัศน์กว้างไกล และทรงคำนึงถึงความยากลำบากของราษฎรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทุรกันดารและในพื้นที่แออัดให้สามารถเข้ารับการบริการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา2019 ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะได้เข้ารับการรักษาอย่างปลอดภัย อันเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังและ ดูแลรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 อีกทั้ง ยังเป็นการเสริมความพร้อมหากมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ได้อย่างทันท่วงที ด้วยทรงรับเป็นพระราชภาระกิจสำคัญในการดูแลทุกข์สุขของราษฎรในพระองค์ทุกหมู่เหล่า ดังพระราชปณิธานที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จะต้องดูแลประชาชนให้มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ อันจะนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดี ทรงถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน อันเป็นหน้าที่ที่ประชาชนชาวไทย ทุกคนจะต้องร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติ
ดังพระราชดำรัสความตอนหนึ่งที่พระราชทานเพื่อเป็นแนวทางในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อ วันที่ 6 ก.ค.63 ความว่า
“... อย่างที่บอกว่าประชาชนมีความสุข ประเทศมีความมั่นคง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ปัญหาต้องมี อุปสรรคต้องมีเสมอ แต่ถ้าเรามีความมั่นคงมีความอยากให้ประชาชนมีความสุข มีทัศนคติที่ดี ประชาชนก็มีความสุข พวกเราก็มีความสุข เพราะเราก็คือประชาชน..”
จึงนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ต่อปวงพสกนิกรชาวไทยที่ได้อาศัยอยู่ใต้ร่มพระบารมี
วันนี้ (14 ก.ค.63) ที่ห้าง Passion (แหลมทอง) และห้าง Central จ.ระยอง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานเขตสุขภาพที่ 6 ได้นำรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย อันเป็นรถพระราชทานใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปตรวจบริการเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับประชาชน ทั้งหมด3กลุ่มกลุ่มแรกคือ ประชาชน 319 คน ที่มีประวัติเดินทางไปศูนย์การค้าแหลมทอง หรือแพชชั่น ช้อปปิ้ง เดสติเนชั่น และศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ระยอง และลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันไทยชนะ กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มพนักงานห้าง และผู้ให้บริการในห้าง รวมทั้งพนักงานโรงแรมที่ทหารอียิปต์ที่มาพัก และกลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มประชาชนที่ไม่สบายใจอยากจะเข้ามารับการตรวจสามารถตรวจได้ โดยรถพระราชทานจะอยู่ตรวจให้บริการ 2-3 วัน โดยประชาชนไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยมีประชาชนที่ไม่สบายใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างมารอรับบริการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นจำนวนมาก
สำหรับรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย จำนวน 13 คัน เพื่อกระทรวงสาธารณสุขนำไปใช้ประโยชน์ ณ สำนักงานเขตสุขภาพ ที่ 1-12 ทั่วประเทศ และเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่กระทรวงสาธารณสุข ดูแลรับผิดชอบเพื่อใช้เป็นห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ในการเก็บ ตัวอย่างโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19) ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่างๆได้อย่างรวดเร็ว อาทิ โรงเรียน วัด ชุมชนแออัดและกลุ่มอาชีพเสี่ยงทั่วประเทศ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบการเฝ้าระวังและค้นหาผู้ติดเชื้อโรคโควิด 19 เชิงรุก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระทรงมีพระราชวิสัยทัศน์กว้างไกล และทรงคำนึงถึงความยากลำบากของราษฎรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทุรกันดารและในพื้นที่แออัดให้สามารถเข้ารับการบริการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา2019 ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะได้เข้ารับการรักษาอย่างปลอดภัย อันเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังและ ดูแลรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 อีกทั้ง ยังเป็นการเสริมความพร้อมหากมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ได้อย่างทันท่วงที ด้วยทรงรับเป็นพระราชภาระกิจสำคัญในการดูแลทุกข์สุขของราษฎรในพระองค์ทุกหมู่เหล่า ดังพระราชปณิธานที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จะต้องดูแลประชาชนให้มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ อันจะนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดี ทรงถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน อันเป็นหน้าที่ที่ประชาชนชาวไทย ทุกคนจะต้องร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติ
ดังพระราชดำรัสความตอนหนึ่งที่พระราชทานเพื่อเป็นแนวทางในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อ วันที่ 6 ก.ค.63 ความว่า
“... อย่างที่บอกว่าประชาชนมีความสุข ประเทศมีความมั่นคง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ปัญหาต้องมี อุปสรรคต้องมีเสมอ แต่ถ้าเรามีความมั่นคงมีความอยากให้ประชาชนมีความสุข มีทัศนคติที่ดี ประชาชนก็มีความสุข พวกเราก็มีความสุข เพราะเราก็คือประชาชน..”
จึงนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ต่อปวงพสกนิกรชาวไทยที่ได้อาศัยอยู่ใต้ร่มพระบารมี