ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมแจ้งว่า ตามที่มีข้อมูลแนะนำเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง เบกกิ้งโซดา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกายให้นานขึ้น ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
จากข้อมูลชวนเชื่อ แนะนำให้ดื่มเบกกิ้งโซดาละลายน้ำก่อนออกกำลังกาย เพราะเมื่อออกกำลังกาย ร่างกายจะสร้างกรดแลคติกขึ้นมาในกล้ามเนื้อ ทำให้รู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หากกินเบกกิ้งโซดาซึ่งมีความเป็นด่างจะช่วยให้กรดแลคติกสลายตัว ชะลอความเมื่อยล้า จึงส่งผลให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ชี้แจงถึงประเด็นนี้ว่า ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกรดแลคติกที่เป็นสาเหตุในการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ จะเกิดขึ้นในส่วนของกล้ามเนื้อ แต่เบกกิ้งโซดาไม่สามารถดูดซึมเข้ากล้ามเนื้อได้ จึงไม่มีผลต่อกล้ามเนื้อแต่อย่างใด
สุดท้ายแล้วเบกกิ้งโซดาที่กินเข้าไปจะถูกกำจัดออกทางไต อีกทั้งผลข้างเคียงที่อาจพบได้หากกินเบกกิ้งโซดา คือ อาจมีอาการปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ ดังนั้นก่อนจะกิน หรือใช้อะไรควรศึกษาให้ดีก่อน ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดอันตรายต่อตัวเองได้
ดังนั้น ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางด้านสุขภาพ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th หรือโทรสายด่วน 1556
จากข้อมูลชวนเชื่อ แนะนำให้ดื่มเบกกิ้งโซดาละลายน้ำก่อนออกกำลังกาย เพราะเมื่อออกกำลังกาย ร่างกายจะสร้างกรดแลคติกขึ้นมาในกล้ามเนื้อ ทำให้รู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หากกินเบกกิ้งโซดาซึ่งมีความเป็นด่างจะช่วยให้กรดแลคติกสลายตัว ชะลอความเมื่อยล้า จึงส่งผลให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ชี้แจงถึงประเด็นนี้ว่า ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกรดแลคติกที่เป็นสาเหตุในการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ จะเกิดขึ้นในส่วนของกล้ามเนื้อ แต่เบกกิ้งโซดาไม่สามารถดูดซึมเข้ากล้ามเนื้อได้ จึงไม่มีผลต่อกล้ามเนื้อแต่อย่างใด
สุดท้ายแล้วเบกกิ้งโซดาที่กินเข้าไปจะถูกกำจัดออกทางไต อีกทั้งผลข้างเคียงที่อาจพบได้หากกินเบกกิ้งโซดา คือ อาจมีอาการปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ ดังนั้นก่อนจะกิน หรือใช้อะไรควรศึกษาให้ดีก่อน ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดอันตรายต่อตัวเองได้
ดังนั้น ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางด้านสุขภาพ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th หรือโทรสายด่วน 1556