นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า ปัญหาการลักลอบลำเลียงกัญชาจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าไทยด้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงรุนแรง เหตุจากความต้องการทั้งภายในประเทศและใช้ไทยเป็นเส้นทางผ่านลำเลียงไปยังประเทศที่สาม ขณะที่กลุ่มการผลิตปรับเทคโนโลยีการปลูก ทำให้ผลิตได้ตลอดไม่มีฤดูกาล โดยใน 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 (ตุลาคม 2562 – พฤษภาคม 2563) เจ้าหน้าที่จับยึดกัญชาระดับ 100 กิโลกรัมขึ้นไป ได้มากกว่า 30 ครั้ง รวมของกลางประมาณ 12.2 ตัน หรือร้อยละ 90 จากของกลางกัญชารวมทั้งประเทศ
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า เนื่องจากแหล่งปลูกกัญชาแหล่งใหญ่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ฝั่งตรงข้ามภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จึงมีกัญชาถูกลักลอบลำเลียงข้ามแม่น้ำโขงเข้าไทยตามช่องทางต่างๆ ตลอดแนวตั้งแต่ จ.หนองคาย ถึง จ.มุกดาหาร แต่จากมาตรการสกัดกั้นที่เข้มงวดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี หน่วยเรือรักษาความสงบตามลำแม่น้ำโขง ตำรวจภูธรภาค 4 และฝ่ายปกครอง จึงทำให้มีกัญชามากกว่าครึ่งถูกยึดได้ตั้งแต่พื้นที่ชายแดนแม่น้ำโขง
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเพิ่มเติมว่า กัญชาทั้งหมดที่ลักลอบนำเข้ามาในประเทศล้วนแต่มีสารปนเปื้อน ทั้งโลหะหนัก ได้แก่ สารหนู ปรอท แคดเมียม ตะกั่ว และยังมียากำจัดศัตรูพืชหรือยาฆ่าแมลง รวมถึงเชื้อรา เนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ส. เป็นหน่วยงานที่ขออนุญาตใช้ประโยชน์ของกลางกัญชา จึงได้นำมาตรวจพิสูจน์เพื่อใช้สนับสนุนหน่วยงานต่างๆ ที่จะนำไปศึกษาวิจัยเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ดังนั้น ผู้ที่เสพกัญชา ไม่ว่าจะด้วยการสูบหรือใช้สารสกัดจากกัญชา ล้วนแต่มีความเสี่ยงที่จะได้รับสารปนเปื้อนอันตรายดังกล่าวเข้าสู่ร่างกาย