นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า การประชุมร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เห็นชอบร่วมกันยังไม่ปรับลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ร้อยละ 50 เพราะไม่เเหมาะกับสถานการณ์ปัญหาช่วงโควิด-19 และหากลดภาษีช่วงนี้ ยังกระทบต่อมูลค่าโดยรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ และสถานการณ์ในช่วงนี้ไม่เหมาะต่อการเข้าไปแทรกแซงตลาด และมองว่าการลดภาษีสรรพสามิตไม่มีผลต่อการกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงนี้ อีกทั้งภาคเอกชนได้จัดทำโปรโมชั่น ลด แลก แจกแถมอยู่แล้ว นับว่าเป็นการให้ราคาพิเศษที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งจูงใจการซื้อรถอยู่แล้ว
สำหรับข้อเสนอขอเลื่อนบังคับใช้การผลิตรถยนต์มาตรฐานยูโร 5, 6 ออกไปก่อน และมาตรการนำรถเก่าแลกรถใหม่ ได้รับส่วนลด 1 แสนบาทนั้น จึงใช้บทเรียนรถยนต์คันแรกกระทบตลาดรวม ดังนั้นกลุ่มภาคเอกชนเตรียมนำข้อมูลไปหารือกับนายกรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้ เพราะมีหลายหน่วยภาครัฐเกี่ยวข้องและภาคเอกชนหลายกลุ่ม ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ในส่วนของไฟแนนซ์ได้พยายามหาช่องทางการปล่อยกู้ซื้อรถผ่านโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อประคองธุรกิจการซื้อรถยนต์
ทางด้านนายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตัวแทนสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดเผยว่า หลังจากมีกระแสข่าวข้อเสนอขอลดภาษีสรรพสามิตร้อยละ 50 ทำให้ผู้ซื้อรถยนต์ใหม่ชะลอการตัดสินใจ และมองว่าอาจทำให้ยอดผลิตรถยนต์ในปี 2563 อาจไม่ถึง 500,000 คัน ผู้ประกอบการค่ายรถยนต์จึงเตรียมนัดหารือกับนายกรัฐมนตรี อีกทั้งต้องดูแลแรงงาน 700,000 คน อุตสาหกรรมต่อเนื่อง ทั้งยางล้อ อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนประกอบ และจากนี้ไปค่ายรถยนต์ต้องจัดแพกเกจโปรโมชั่น ลด แลก แจกแถม ร่วมกับไฟแนนซ์ เพื่อให้วงการรถยนต์พออยู่ได้ในช่วงโควิด
ขณะที่นายภิญโญ ธนวัชรภรณ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว กล่าวว่า เมื่อสถานการณ์โควิด-19 เป็นเช่นนี้ ที่ประชุมได้รับฟังข้อมูลจากบรรดารถมือสอง แม้กระตุ้นตลาดในช่วงสั้น ไม่ให้กระทบต่อมูลค่าตลาดรถยนต์ 17 ล้านคัน แม้จะลดภาษีจะเพิ่มยอดขายได้เพียงหลักแสนคัน แต่กระทบต่อมูลค่าทั้งตลาดโดยรวม