พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม กล่าวถึงการดำเนินคดีกับ น.ส.นิษฐา วงวาล หรือแม่ปุ๊ก อายุ 29 ปี ผู้ถูกกล่าวหาว่าแอบอ้างเป็นแม่ของ ด.ญ.อมยิ้ม อายุ 2 ขวบ ที่ใช้สารพิษทำให้เด็กป่วย เพื่อให้สาธารณชนเกิดความสงสารก่อนเปิดรับบริจาคทางออนไลน์ ได้เงินมากว่า 20 ล้านบาท จนสุดท้าย ด.ญ.อมยิ้ม เสียชีวิตในช่วงปี 2562 จากนั้นยังต้องสงสัยว่านำ ด.ช.อิ่มบุญ ลูกแท้ๆ ของตนมาก่อเหตุในลักษณะเดียวกันอีก ว่า จากการสอบปากคำ น.ส.เอม หญิงสาวที่เป็นแม่ของน้องอมยิ้ม ทราบว่าได้ยกลูกสาวให้ น.ส.นิษฐา ตั้งแต่ยังตั้งครรภ์ เพราะขณะนั้นยังเรียนหนังสือจึงประกาศหาคนมาอุปการะทางออนไลน์ ทำให้พบผู้ต้องหาและยกลูกให้โดยไม่ได้จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม ซึ่งแม้ว่าจะมีพยานหลักฐานปรากฏว่าเงินบริจาคถูกโอนเข้าไปสู่ น.ส.เอม แม่ที่แท้จริงของน้องอมยิ้ม แต่จากการตรวจสอบพบว่าสมุดบัญชีและ บัตรเอทีเอ็มที่ใช้กดเงินสดอยู่กับ น.ส.นิษฐา ทั้งหมด จึงถือว่าขณะนี้ยังไม่พบว่า น.ส.เอม ได้รับประโยชน์จากการก่อเหตุครั้งนี้
ส่วนการให้ปากคำของ น.ส.นิษฐา ยอมรับเพียงข้อหาฉ้อโกงประชาชนในการรับสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ส่วนเรื่องที่ทำให้น้องอมยิ้ม เสียชีวิตและ น้องอิ่มบุญ ป่วยนั้น เจ้าตัวระบุว่าเป็นความผิดของแพทย์ในการรักษา ซึ่งในข้อเท็จจริงของตำรวจทราบว่าแพทย์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้สงสัยกรณีการนำเด็กทั้ง 2 คน มาเข้ารับการรักษาแล้วว่าเป็นการทำร้ายเด็ก จนกระทั่งตำรวจกองปราบปรามแกะรอยสอบสวนการฉ้อโกงประชาชนของ น.ส.นิษฐา ไปจนบรรจบกันว่าเป็นการทำร้ายร่างกายเด็กเพื่อหวังให้คนสงสารและโอนเงินบริจาค โดยจุดนี้ตำรวจจึงพิจารณาแจ้งข้อหาฐานค้ามนุษย์กับ น.ส.นิษฐา ด้วย เพราะอาจเข้าข่ายทั้งลักษณะบังคับใช้แรงงานกับบังคับคนเป็นทาส สำหรับเงินบริจาคกว่า 20 ล้านบาทนั้น ตอนนี้ทราบว่าถูกโอนออกจากบัญชีทั้งหมด ซึ่งตำรวจกำลังเร่งติดตามเส้นทางการเงินของผู้ต้องหา