แพทย์หญิงพันธุ์นภา กิตติรัตนไพบูลย์ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงผลกระทบจากพฤติกรรมการดื่มสุรา หรือการดื่มแอลกอฮอล์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ว่า การดื่มสุรานอกจากส่งผลกระทบด้านร่างกายและสุขภาพจิตแล้ว จากการสำรวจยังพบว่าการดื่มสุราเป็นปัญหาด้านการสูญเสียชีวิตมากเป็นอันดับ 1 ในเพศชาย โดยแบ่งพฤติกรรมการดื่มสุราออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ ร้อยละ 60 ไม่ดื่มสุรา ดื่มแบบเสี่ยง ซึ่งกังวลมากในกลุ่มนี้ เพราะเมื่อดื่มสุราแล้วมีบางคนไปขับรถ ดื่มแบบอันตราย ซึ่งกลุ่มนี้จะสร้างผลกระทบต่อการทำงานของตัวเอง สร้างความรุนแรงต่อครอบครัว ดื่มแบบติด และดื่มแบบติดรุนแรง
กลุ่มผู้ดื่มสุราทั้งหมดนี้ต้องได้รับการดูแล เนื่องจากในภาวะการแพร่ระบาด บุคคลที่ดื่มสุราถือว่ามีโอกาสติดเชื้อมากที่สุด เช่น หากดื่มหนักหรือมีอาการติดสุรา เม็ดเลือดขาวในปอดจะถูกทำลายและเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสมากถึง 3-7 เท่า มีโอกาสเข้า ICU มากกว่าคนปกติถึงร้อยละ 60 หากป่วยติดเชื้อไวรัส หากเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสและป่วยเป็นไข้หวัดได้ง่ายถึงร้อยละ 30 และหญิงตั้งครรภ์หากดื่มสุราจะมีความเสี่ยงมากถึง 2.9 เท่า
ทั้งนี้ ยืนยันว่ายังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ระบุว่าการดื่มสุราช่วยป้องกันหรือฆ่าเชื้อไวรัสได้ ในทางกลับกัน การดื่มสุราทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง โอกาสติดเชื้อไวรัสง่าย หรือหากติดเชื้อไวรัสแล้วโอกาสการหายดีก็น้อยกว่าคนปกติ