นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า หลังจากกระทรวงการคลังเปิดให้ยื่นทบทวนสิทธิ์มาตรการเยียวยา 5,000 บาท เป็นเวลา3 เดือน เพื่อเปิดทางให้ผู้เคยยกเลิกการลงทะเบียนด้วยความเข้าใจผิด สามารถขอรับสิทธิ์คืนอีกครั้งได้ โดยใช้ปุ่มสีม่วง "ยื่นทบทวนสิทธิ์" ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ขณะนี้มีผู้ยื่นทบทวนสิทธิ์แล้วจำนวน 4.8 ล้านราย
ในขณะที่กระทรวงคลังยังส่งทีมผู้พิทักษ์สิทธิ์ ทั้งกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานสังกัดกระทรวงคลัง ลงพื้นที่ตลอดต่อเนื่องทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ จนกว่าเสร็จสิ้นภารกิจ เพื่อติดตามข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของประชาชน ในส่วนที่ผู้ไม่ผ่านเกณฑ์การคัดกรองมาตรการเยียวยา 5,000 บาท โดยยอมรับว่า เมื่อเปิดให้ทบทวนสิทธิ์ได้ จึงทำให้จำนวนผู้ขอทบทวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงตลอด ทำให้ทีมผู้พิทักษ์สิทธิ์ต้องใช้เวลามากขึ้นในการลงพื้นที่
ทั้งนี้ กระทรวงคลังขอให้ผู้ลงทะเบียนเข้าไปตรวจสอบสถานะที่เว็บไซต์ เราไม่ทิ้งกัน.com เพื่อจะได้ทราบว่าผ่านเกณฑ์และได้รับสิทธิ์หรือไม่ เพราะขณะนี้ระบบได้นำข้อมูลผู้ที่ได้รับสิทธิ์มากกว่าสิบล้านคนเข้าในระบบแล้ว จึงทำให้ยอดได้รับสิทธิ์เพิ่มขึ้นทุกวัน โดยกรณีที่มีปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากบัญชีธนาคาร ก็ขอให้ตรวจสอบว่าบัญชีกับทางแบงก์ว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่
สำหรับผู้ได้รับสิทธิ์แต่มีปัญหาว่าเงินยังไม่เข้าบัญชี แสดงว่าบัญชีถูกปิด (ไม่มีการเคลื่อนไหวนานเกิน 1 ปี) หรือบัญชีไม่ตรง ซึ่งเป็นได้ทั้งชื่อ นามสกุล เลขที่บัญชี หรือชื่อธนาคารไม่ตรงกับชื่อผู้ลงทะเบียน จึงขอให้ผู้ลงทะเบียน เข้ามาแก้ไขตรงปุ่มสีเหลือง "เปลี่ยนแปลงข้อมูลการรับเงิน" ระบบจะตรวจสอบว่าบัญชีถูกต้องแล้วหรือไม่ และพร้อมโอนเงินให้ในรอบถัดไป โดยเน้นจ่ายเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ผูกกับเลขบัตรประชาชน จะทำให้การโอนเงินสะดวก รวดเร็ว และถูกต้อง
ในขณะที่กระทรวงคลังยังส่งทีมผู้พิทักษ์สิทธิ์ ทั้งกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานสังกัดกระทรวงคลัง ลงพื้นที่ตลอดต่อเนื่องทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ จนกว่าเสร็จสิ้นภารกิจ เพื่อติดตามข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของประชาชน ในส่วนที่ผู้ไม่ผ่านเกณฑ์การคัดกรองมาตรการเยียวยา 5,000 บาท โดยยอมรับว่า เมื่อเปิดให้ทบทวนสิทธิ์ได้ จึงทำให้จำนวนผู้ขอทบทวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงตลอด ทำให้ทีมผู้พิทักษ์สิทธิ์ต้องใช้เวลามากขึ้นในการลงพื้นที่
ทั้งนี้ กระทรวงคลังขอให้ผู้ลงทะเบียนเข้าไปตรวจสอบสถานะที่เว็บไซต์ เราไม่ทิ้งกัน.com เพื่อจะได้ทราบว่าผ่านเกณฑ์และได้รับสิทธิ์หรือไม่ เพราะขณะนี้ระบบได้นำข้อมูลผู้ที่ได้รับสิทธิ์มากกว่าสิบล้านคนเข้าในระบบแล้ว จึงทำให้ยอดได้รับสิทธิ์เพิ่มขึ้นทุกวัน โดยกรณีที่มีปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากบัญชีธนาคาร ก็ขอให้ตรวจสอบว่าบัญชีกับทางแบงก์ว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่
สำหรับผู้ได้รับสิทธิ์แต่มีปัญหาว่าเงินยังไม่เข้าบัญชี แสดงว่าบัญชีถูกปิด (ไม่มีการเคลื่อนไหวนานเกิน 1 ปี) หรือบัญชีไม่ตรง ซึ่งเป็นได้ทั้งชื่อ นามสกุล เลขที่บัญชี หรือชื่อธนาคารไม่ตรงกับชื่อผู้ลงทะเบียน จึงขอให้ผู้ลงทะเบียน เข้ามาแก้ไขตรงปุ่มสีเหลือง "เปลี่ยนแปลงข้อมูลการรับเงิน" ระบบจะตรวจสอบว่าบัญชีถูกต้องแล้วหรือไม่ และพร้อมโอนเงินให้ในรอบถัดไป โดยเน้นจ่ายเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ผูกกับเลขบัตรประชาชน จะทำให้การโอนเงินสะดวก รวดเร็ว และถูกต้อง