นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบงบประมาณ 50,000 ล้านบาท เพื่อยกระดับโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล จำนวน 8,000 แห่ง แบ่งเป็นระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ซึ่งมีระยะเวลาการดำเนินการ 3 ปีตั้งแต่ปี 2563-2565 สำหรับในงบประมาณจำนวนนี้ได้แบ่งสัดส่วนการลงทุนแต่ละปี โดยจะทุ่มงบประมาณจัดหนักไปที่ปี 2564 และ 2565 โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายการจ้างครูต่างชาติ อย่างไรก็ตาม จะพิจารณาการใช้งบประมาณตามความเหมาะสม เพราะหากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ยังไม่พ้นวิกฤต โอกาสที่จะรับครูต่างชาติมาสอนที่โรงเรียนคงไม่มี ดังนั้น เราอาจให้ครูไทยที่มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษและภาษาจีนมาสอนทดแทนได้
ส่วนงบประมาณที่เหลือจากค่าใช้จ่ายการจ้างครู จะนำมาปรับปรุงสภาพโรงเรียนให้มีความพร้อมกับการขยายตัวของนักเรียน และการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับโลกศตวรรษที่ 21 ทั้งการพัฒนาหลักสูตร การสร้างเด็กให้มีทักษะดิจิทัล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การลงทุนดังกล่าวถือเป็นงบประมาณที่คุ้มค่า เนื่องจากเราต้องการลงทุนสร้างทรัพยากรบุคคลในอนาคต เพื่อรองรับการลงทุนของประเทศไทยในอนาคต เพราะทุกวันนี้จะเห็นแล้วว่าประเทศไทยถูกจัดอันดับต้นๆ ที่ต่างชาติอยากจะมาลงทุนทำธุรกิจมากที่สุดซึ่งที่ผ่านมาเรามองเห็นถึงจุดอ่อนจุดแข็งของประเทศ เราจึงต้องเตรียมความพร้อมทุกด้านและวางรากฐานเหล่านี้ไว้ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมด้านภาษาอังกฤษ ภาษาจีน เพื่อนำการพัฒนาโรงเรียนคุณภาพประจำตำบลไปสู่การเชื่อมต่อกับการผลิตกำลังคนของประเทศในอนาคต
ส่วนงบประมาณที่เหลือจากค่าใช้จ่ายการจ้างครู จะนำมาปรับปรุงสภาพโรงเรียนให้มีความพร้อมกับการขยายตัวของนักเรียน และการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับโลกศตวรรษที่ 21 ทั้งการพัฒนาหลักสูตร การสร้างเด็กให้มีทักษะดิจิทัล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การลงทุนดังกล่าวถือเป็นงบประมาณที่คุ้มค่า เนื่องจากเราต้องการลงทุนสร้างทรัพยากรบุคคลในอนาคต เพื่อรองรับการลงทุนของประเทศไทยในอนาคต เพราะทุกวันนี้จะเห็นแล้วว่าประเทศไทยถูกจัดอันดับต้นๆ ที่ต่างชาติอยากจะมาลงทุนทำธุรกิจมากที่สุดซึ่งที่ผ่านมาเรามองเห็นถึงจุดอ่อนจุดแข็งของประเทศ เราจึงต้องเตรียมความพร้อมทุกด้านและวางรากฐานเหล่านี้ไว้ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมด้านภาษาอังกฤษ ภาษาจีน เพื่อนำการพัฒนาโรงเรียนคุณภาพประจำตำบลไปสู่การเชื่อมต่อกับการผลิตกำลังคนของประเทศในอนาคต